บทที่ 263 ชุดชั้นใน
บทที่ 263 ชุดชั้นใน
ครั้งก่อนที่เซี่ยชิงหยวนเห็นเติ้งซูอี้สวมผ้าพันคอ หญิงสาวก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว
ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวในเตียนเฉิงมีลมแรง ดังนั้นการสวมผ้าพันคอจึงเหมาะสมที่สุด
มีกางเกงชั้นในผู้หญิงด้วย เธอคิดว่าน่าจะเอามาขายบ้าง
เพราะทุกวันนี้ผู้หญิงจำนวนมากในเตียนเฉิงยังไม่มีสิ่งที่เรียกว่าแฟชั่นชุดชั้นในเลย
เธอจำได้ว่าเมื่อพวกเยาวชนที่มีการศึกษาไปชนบท สาว ๆ ชนบททั้งหลายเพิ่งจะรู้ว่ามีชุดชั้นในที่หลากหลายแบบ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีหญิงสาวจำนวนน้อยเท่านั้นที่กล้าลองและคนอื่น ๆ ที่เหลือค่อนข้างมีความขัดแย้งในใจ
เมื่อตอนที่เซี่ยชิงหยวนเข้ามัธยมต้น หน้าอกของเธอเริ่มใหญ่ขึ้น เธอจึงสวมเสื้อกั๊กแบบที่หวังผิงตัดเย็บให้ จนกระทั่งเธอออกมาทำงานข้างนอก จึงเปลี่ยนไปใส่ชุดชั้นในอย่างเงียบ ๆ
อาจกล่าวได้ว่าในตลาดชุดชั้นในสตรีของเมืองเตียนเฉิงที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่นั้นยังไม่ได้รับการบุกเบิก
เมื่อคิดได้แบบนี้ เธอจึงขอให้เหล่าไต้พาไปดูว่ามีแหล่งขายผ้าพันคอและชุดชั้นในบ้างไหม
เหล่าไต้ยิ้มและพูดว่า “ฉันหาผ้าพันคอให้เธอได้นะ ส่วนชุดชั้นใน ฉันมีญาติเป็นคนทำ ครั้งล่าสุดที่เธอมา ฉันเองก็อยากจะแนะนำชุดชั้นในให้อยู่หรอก แต่ฉันรู้สึกอายนิดหน่อยน่ะ สุดท้ายฉันเลยไม่ได้ถาม”
เซี่ยชิงหยวนยิ้ม “ในสายตาของฉัน สิ่งเหล่านี้คือสินค้าและไม่มีอะไรต้องอายหรอกค่ะ มันเป็นแค่สิ่งจำเป็นพื้นฐานของมนุษย์เท่านั้นเอง”
เหล่าไต้กล่าวเสริม “ใช่ ใช่ ฉันคิดตื้นไปเองนั่นแหละ ญาติของฉันที่ขายชุดชั้นในก็อยู่ในตลาดนี้ด้วย ฉันจะพาเธอไปนะ”
แผงขายของญาติของเหล่าไต้อยู่ในตลาดค้าส่งนี้เหมือนกัน แต่อยู่ในส่วนที่ขายแต่พวกชุดชั้นใน
ที่นี่มีชุดชั้นในของทั้งผู้ชายและผู้หญิง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสีทึบหรือสีเรียบ ๆ และมีไม่กี่แบบที่มีสีสันสดใสเหมือนชุดชั้นในยุคหลังจากนี้
ส่วนราคาก็ไม่แพงเกินไป ส่วนใหญ่อยู่ระหว่างหนึ่งถึงหนึ่งหยวนห้าเหมา
อาเซียงเดินตามเซี่ยชิงหยวนพลางมองไปที่ชุดชั้นใน เธออดไม่ได้ที่จะกระชับคอเสื้อ
สิ่งที่เธอสวมอยู่ภายในเสื้อนอกถูกเย็บโดยแม่ของเธอเอง
นอกจากนี้ ชุดเหล่านี้ถ้าสวมใส่มันหน้าอกของเธอคงดูใหญ่ขึ้นแน่ ๆ
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้อาเซียงก็พลันรู้สึกอายขึ้นมา
เธอมองอย่างเงียบ ๆ ไปที่เฮ่ออวี้เฟิงด้วยสายตา
เธอเห็นเขาเดินไปท่ามกลางกองชุดชั้นในโดยไม่เหล่ตามอง และไม่มีสีหน้าเลย
อาเซียงอดไม่ได้ที่จะเม้มริมฝีปาก
เมื่อไปถึงแผงขายของลูกพี่ลูกน้องเหล่าไต้ เหล่าไต้ก็ทักทายเธอและเอ่ยเรียก “ไงพี่!”
ผู้หญิงคนนั้นอยู่ในวัยสามสิบปลาย รูปร่างปานกลาง ผมหยิกของเธอถูกมัดไว้ด้านหลังพร้อมด้วยกิ๊บดอกไม้สีแดงดอกใหญ่
เมื่อเห็นเหล่าไต้ เธอก็ยิ้มและร้องทักทาย “อ้าว มาหาฉันมีธุระอะไรเหรอ?”
ขณะที่พูด สายตาของเธอก็จับจ้องไปที่เซี่ยชิงหยวน และพยักหน้าให้
เหล่าไต้แนะนำทั้งสอง “นี่คือคนที่ฉันบอกเธอก่อนหน้านี้น่ะ คุณเซี่ยจากมณฑลยูนนาน เธอต้องการดูสินค้าหน่อย”
จากนั้นเหล่าไต้ก็ชี้ไปที่ผู้หญิงวัยกลางคนและพูดว่า “นี่คือลูกพี่ลูกน้องของฉันเอง เธอเรียกว่าพี่สาวฟ่างก็ได้”
พี่สาวฟ่างทักทายเซี่ยชิงหยวนอย่างอบอุ่นขณะดูสินค้า “รูปแบบพื้นเรียบ ๆ กองอยู่บนพื้นหมด แต่ถ้าคุณต้องการดูสินค้าที่สวย ๆ ใหม่ ๆ ฉันมีอีกมากเลย อยู่ข้างหลังร้านของฉันนี่เอง”
เซี่ยชิงหยวนรีบกวาดสายตามองไปที่ของบนพื้นทันที
เธอพบว่าทั้งสีและรูปแบบของชุดชั้นในที่ขายที่นี่นั้นดีกว่าแผงขายคนอื่น แต่เนื้อผ้าดูธรรมดากว่า
ชุดชั้นในที่แนบชิดกับร่างกายควรเป็นมิตรกับผิวหนังที่สุด
เซี่ยชิงหยวนพูดอย่างสบาย ๆ “พี่สาวฟ่าง ขอแบบอื่นให้ฉันดูหน่อยได้ไหมคะ?”
แน่นอนว่าเซี่ยชิงหยวนก็เหมือนกับที่เหล่าไต้พูดไว้ก่อนหน้านี้ ตราบใดที่ของดีจริง ๆ เรื่องราคาไม่ใช่ปัญหา
พี่สาวฟ่างยิ้มและลากถุงกระสอบใบใหญ่ออกมาจากด้านหลัง “ของในถุงกระสอบใบนี้เป็นของใหม่ที่ฉันได้มาเมื่อไม่นานมานี้ แต่ราคาค่อนข้างแพง โดยทั่วไปราคาสองหยวน รับประกันว่ามันดีกว่าที่ขายอยู่บนพื้นแน่นอน แต่ฉันคิดว่าถ้าต้องการซื้อเป็นจำนวนมาก ๆ คุณควรเลือกของที่อยู่บนพื้นปนไปด้วยนะ”
เนื่องจากเซี่ยชิงหยวนเป็นเพื่อนของเหล่าไต้ พี่สาวฟ่างจึงไม่ปิดบังและบอกความจริง
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณพี่สาวฟ่างนะคะ”
หลังจากนั้นเซี่ยชิงหยวนหันกลับไปมองเฮ่ออวี้เฟิงที่ยืนอยู่ข้างหลังพร้อมกับเม้มริมฝีปาก “พี่เฮ่อ เราคงต้องเลือกของกันสักระยะหนึ่ง พี่อยากจะไปนั่งรอข้าง ๆ ก่อนไหม?”
ให้ชายที่ดูดุดันอย่างเขามาคอยดูแลอยู่ข้าง ๆ เธอก็เขินอายนิดหน่อย ดังนั้นเธอจึงกลัวว่าเขาจะอายด้วย
พี่สาวฟ่างหยิบเก้าอี้พับขนาดเล็กออกมาทันที “หนุ่มน้อย คุณนั่งที่นี่สิ”
เฮ่ออวี้เฟิงหยิบเก้าอี้และเอ่ยกลับ “ขอบคุณครับ”
จากนั้นเขาก็นั่งลงที่ด้านข้าง
เหล่าไต้ไม่สนใจเฮ่ออวี้เฟิงและเฝ้าดูของกับเซี่ยชิงหยวน
เซี่ยชิงหยวนเห็นอาเซียงพยายามหดตัวดูเขินอาย เธอจึงพูดด้วยรอยยิ้ม “ถ้าเธอไม่มาเลือกข้าง ๆ พี่ พี่จะสอนวิธีเลือกให้เธอได้ยังไงเนี่ย”
อาเซียงหน้าแดงและเหลือบมองไปที่เฮ่ออวี้เฟิงโดยไม่รู้ตัว
เธอเห็นว่าเฮ่ออวี้เฟิงมองไปทางอื่น และดูเหมือนเขาไม่ได้ยิน
เมื่อเห็นแบบนั้น หญิงสาวจึงเดินไปยืนข้าง ๆ เซี่ยชิงหยวน
ชุดชั้นในในถุงกระสอบของพี่สาวฟ่างนั้นเป็นสไตล์แบบปกติและบรรจุอยู่ในห่อพลาสติกใส เมื่อเทียบกับสไตล์และสีของชุดชั้นในบนพื้นแล้ว พวกมันมีเกรดต่างกันและไม่ได้เปิดเผยจนเกินไป ซึ่งผู้คนจะยอมใส่ง่ายกว่า
เซี่ยชิงหยวนมองไปที่ชุดชั้นในเหล่านี้ และการแสดงความชื่นชมก็ฉายแววในดวงตาของเธอ
เธอวางแผนไว้ว่าจะเลือกแบบที่บางและเบา ระบายอากาศได้ดี และมีลูกเล่นเป็นโครงพลาสติก
เช่นเดียวกับที่ผ่านมา ทุกครั้งที่เธอเลือกแบบชุด เธอต้องอธิบายให้อาเซียงฟังซึ่งทำให้พี่สาวฟ่างตะลึง
พี่สาวฟ่างส่งสายตาประหลาดใจไปที่เหล่าไต้ แต่เหล่าไต้เพียงแค่ยิ้ม เห็นได้ชัดว่าเขาชินกับเซี่ยชิงหยวนที่เป็นแบบนี้
พี่สาวฟ่างรู้สึกตกใจ ขอบคุณฟ้าดินจริง ๆ ที่เธอไม่ได้เสนอราคาที่เกินเลยตามอำเภอใจในตอนแรก
อาเซียงเห็นกางเกงชั้นในสีม่วงอ่อนที่ก้นกระสอบ แล้วอยากจะหยิบออกมา แต่พบว่ากางเกงชั้นในที่เธออยากหยิบถูกชั้นในส่วนใหญ่กดทับไว้ เธอจึงใช้แรงดึงมันออกมา
โดยไม่คาดคิดว่า ด้วยแรงที่มากเกินไป ทำให้กางเกงในขาดออก และเธอก็หงายหลังอย่างควบคุมไม่ได้
เดิมทีเธออยู่ในท่านั่งยอง ๆ แต่ทันทีที่สูญเสียการควบคุม เธอก็นั่งจ้ำเบ้าลงบนพื้นและร่างกายท่อนบนของเธอก็หงายหลัง ส่วนหัวกำลังจะกระแทกพื้น
เซี่ยชิงหยวนรีบยื่นมือออกไปดึงเธอทันที
อาเซียงที่กำลังหงายหลังล้มกระแทกพื้น อยู่ ๆ เธอก็รู้สึกว่าเธอชนใครบางคนเข้า
เมื่อเธอเงยหน้าขึ้น คนที่มีจมูกเป็นมันกำลังมองเธออย่างไร้ความปรานี
เธอล้มหัวกระแทกน่องของชายคนนั้น
ในขณะที่อาเซียงกำลังงุนงงอยู่นั้น เซี่ยชิงหยวนก็ดึงเธอขึ้นมาทันทีและขอโทษชายคนนั้น “ขอโทษด้วยนะคะ เราไม่ได้ตั้งใจค่ะ”
ถัดมาอาเซียงจึงรู้ว่ามีคนสองคนอยู่ข้างหลังชายคนนั้น ดูจากหน้าตาแล้วไม่ใช่พวกคนดีเลย
เดิมทีชายคนนั้นอยากจะโกรธ แต่เมื่อเขาเห็นใบหน้าของเซี่ยชิงหยวน เขาก็ขมวดคิ้ว แล้วปากที่กำลังเคี้ยวหมากอยู่ก็หัวเราะออกมา “ฮ่า ๆ เป็นสาวสวยนี่หว่า!”
กลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ลอดออกมาจากฟันที่เหลืองเต็มปากนั้น แถมช่องว่างระหว่างฟันยังเต็มไปด้วยสีตกตะกอน ซึ่งน่าเกลียดมาก
เซี่ยชิงหยวนดึงอาเซียงถอยหลังหนึ่งก้าว พลางลดศีรษะลงและไม่พูดอะไร
ชายคนนั้นก้าวมาข้างหน้าอีกก้าว และเอื้อมมือพยายามมาแตะคางของเธอ เพื่อจะยกคางของหญิงสาวขึ้นเพื่อมองอีกครั้ง
“ไสหัวไปให้พ้น” ทันใดนั้นเสียงของชายที่เย็นชาก็ดังขึ้น และวินาทีต่อมาเฮ่ออวี้เฟิงก็มายืนคั่นระหว่างพวกเขา
เฮ่ออวี้เฟิงแยกเซี่ยชิงหยวนออกจากชายคนนั้น และใช้ไหล่ของเขาบังสายตาที่น่ารังเกียจของอีกฝ่าย
เดิมทีชายคนนั้นต้องการสอนบทเรียนเฮ่ออวี้เฟิง แต่เมื่อเขาเห็นว่าเป็นเฮ่ออวี้เฟิงที่มายืนคั่น เขาก็เย้ยหยันและวางมือบนไหล่ของเฮ่ออวี้เฟิง “อ้าวเฮ่ออวี้เฟิง นายกลับมาตอนไหนเนี่ย ฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย?”
———————