กระบี่จงมาบทที่ 957.1 มีคนตีกลอง

บทที่ 957.1 มีคนตีกลอง

ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ นคร​จิน​ชุ่ย​

ศาลา​หลัง​หนึ่ง​ที่​หลังคา​เป็นยอด​แหลม​มีกรอบ​ป้าย​คำ​ว่า​ ‘เย​ว่​เหมย​’

ฟ้าโปร่ง​แสงจันทร์​อ่อน​จาง พื้นดิน​เปลี่ยว​ร้าง​ก่อเกิด​ธรรมเนียม​ซับซ้อน​

ปัญญาชน​วัยกลางคน​ที่​สวม​ชุดก​ว้า​ตัว​ยา​วสี​เขียว​ บน​ศีรษะ​สวมมงกุฎ​หยก​เขียว​กำหมัด​เบา​ๆ ใน​ฝ่ามือ​กุม​หมาก​สีขาว​และ​สีดำ​เอาไว้​สอง​เม็ด​ เมื่อ​เขา​กำมือ​ เม็ด​หมาก​ก็​กระทบ​กัน​ดัง​แกรก​กราก​

เมื่อ​ความคิด​ของ​ผู้ฝึก​ตน​ที่​เป็น​เค่อ​ชิงของ​นคร​จิน​ชุ่ย​ผู้​นี้​บังเกิด​ ใน​ศาลา​แห่ง​นี้​ก็​มีภาพ​ปรากฏการณ์​ผิดปกติ​เกิดขึ้น​ บรรยากาศ​แปรเปลี่ยน​หลากหลาย​ แต่กลับ​ไม่มีปราณ​วิญญาณ​ฟ้าดิน​แม้สัก​เสี้ยว​ที่​ไหล​เอ่อ​ท้น​ออก​ไปนอก​ศาลา​

อันดับ​แรก​มีตัวอักษร​สีทอง​ยาว​เป็น​พรวน​ลอย​กระเพื่อม​ขึ้น​มาก่อน​ กลายเป็น​ประโยค​ที่หนึ่ง​ ประโยค​ที่สอง​ ประโยค​ที่สาม​

เพียง​ไม่นาน​ใน​ศาลา​ก็​มีเสียง​ฟ้าร้อง​ครืนครั่น​เพราะ​ตัวอักษร​สิบ​กว่า​ตัว​นี้​ บน​พื้นที่​ปู​ด้วย​อิฐ​เขียว​เหมือน​กลาย​มาเป็น​พื้นดิน​ ลายเส้น​บน​ก้อนอิฐ​เหมือน​ลายน้ำ​ที่​มีคลื่น​ยักษ์​หมื่น​จั้งถาโถม

สมกับ​เป็น​ตราประทับ​ทางใจ​ลี้ลับ​ของ​สาย​นิกาย​ฉาน​ลัทธิ​พุทธ​ ขนบ​ธรรม​บ้าน​ข้า​ ประหนึ่ง​อสนีบาต​ยาม​ฟ้าสว่าง​สดใส​ ดั่ง​คลื่น​ถาโถมจาก​บน​พื้นดิน​

บน​อิฐ​เขียว​ก้อน​หนึ่ง​ที่​เหมือน​พื้นดิน​ของ​ทวีป​แห่ง​หนึ่ง​ คลื่น​มรสุม​พลัน​หยุดนิ่ง​ ในขณะที่​ฟ้าใสอากาศ​ปลอดโปร่ง​ก็​ดูเหมือน​จะมีภิกษุ​สอง​คน​ที่​ตัวเล็ก​เท่า​เมล็ด​งาเดิน​ขึ้น​สู่ที่สูง​มา หนึ่ง​อาจารย์​หนึ่ง​ศิษย์​เดิน​ขึ้น​เขา​มาด้วย​ ภิกษุ​หนุ่ม​มีสีหน้า​เคร่งขรึม​จริงจัง​ ถามอาจารย์​ว่า​เมื่อ​สอน​ให้​คน​เดิน​บน​เส้นทาง​นก​บิน​ ไม่ทราบ​ว่า​อะไร​คือ​เส้นทาง​นก​บิน​? หลวงจีน​เฒ่าก้าว​ยาว​ๆ เหมือน​ดาวตก​ ฝีเท้า​ขยับ​ว่องไว​ราวกับ​บิน​ เดิน​อยู่​บน​เส้นทาง​ภูเขา​ที่สูง​ชันอันตราย​เหมือน​เดิน​อยู่​บน​พื้นที่ราบ​ พอ​ได้ยิน​คำถาม​ก็​ยิ้ม​เอ่ย​ว่า​ ไม่พบ​เจอ​ใคร​ ระหว่าง​ที่​เดิน​ขึ้น​เขา​ ภิกษุ​ทั้งสอง​ยัง​ได้​ทยอย​เห็น​ตัวอักษร​ขนาดใหญ่​ที่​แกะสลัก​ไว้​บน​หิน​ผา​ริม​ทาง​ ล้วน​มีแค่​ตัวอักษร​เดียว​ จู่ ซื่อ​ ชิน​ ผู่​ เหย้า​ การ​ทยอย​เจอ​ตัวอักษร​ก็​เหมือน​การ​ผ่าน​ด่าน​ ไม่มีการหยุดพัก​ใดๆ​ ภิกษุ​หนุ่ม​พลัน​ถามอี​กว่า​อะไร​คือ​โฉมหน้าที่​แท้จริง​? ไม่คิด​ว่า​ภิกษุ​เฒ่าจะตอบ​ว่า​ ไม่เดิน​บน​เส้นทาง​ของ​นก​ ภิกษุ​หนุ่ม​เงียบงัน​ไป​ หลวงจีน​เฒ่าพลัน​ตวาด​ดังลั่น​ อะไร​คือ​พุทธะ​? ภิกษุ​หนุ่ม​ตอบ​เนิบ​ช้าว่า​เด็กน้อย​ปิ่ง​ติง​ขอ​ไฟ หลวงจีน​เฒ่าถามเอ่ย​อี​กว่า​ กล่าว​ได้ดี​ ปิ่ง​ติง​ล้วน​เป็น​ธาตุ​ไฟ ใช้ไฟขอ​ไฟ น่าเสียดาย​ที่​ยัง​ไม่ถึงที่สุด​ ลอง​พูด​ได้​อีก​ ใต้​ฝ่าเท้า​ของ​ภิกษุ​ทั้งสอง​คือ​ภูเขา​ลูก​หนึ่ง​ แต่​แท้จริง​แล้ว​กลับ​เกิด​จาก​การ​หล่อหลอม​ตัวอักษร​หลาย​ร้อย​ล้าน​ตัว​ใน​คัมภีร์​เต๋า​เล่ม​หลัก​และ​คัมภีร์​เต๋า​เล่ม​ชุด​ และ​ด้านนอก​หน้าผา​ของ​เส้นทาง​ภูเขา​บน​ภูเขา​ ‘เต้า​ซาน​’ ลูก​นี้​ก็​มีนก​ตัว​หนึ่ง​ที่​พลัน​บิน​แหวก​อากาศ​มาถึง สยาย​ปีก​บิน​อ้อม​ภูเขา​ ภูเขา​สีเขียว​ลูก​นี้​ก็​เริ่ม​พลิก​หมุน​ สุดท้าย​ภูเขา​ที่​หมุนติ้ว​ก็​คล้าย​จะหยุด​ลอย​นิ่ง​ไป​พร้อมกับ​นก​บิน​ ประหนึ่ง​ลูกธนู​ที่​พุ่ง​มาอย่าง​ว่องไว​ก็​ต้อง​มีช่วงเวลา​ที่​หยุดนิ่ง​เช่นเดียวกัน​ ภิกษุ​สอง​คน​ที่​เดิน​ขึ้น​จุด​สูงโดย​ไม่รู้​ว่า​ภูเขา​พลิก​หมุน​เห็น​นก​ที่​บิน​อยู่​นอก​ภูเขา​เหมือน​ลูกธนู​ดอก​หนึ่ง​ที่​หยุด​ลอย​นิ่ง​อยู่​กลางอากาศ​ ภิกษุ​หนุ่ม​ก็​เงียบงัน​ไม่พูดไม่จา​ หลวงจีน​เฒ่าถอนหายใจ​ น้ำค้าง​ใต้​ชายคา​หนอ​ ภิกษุ​หนุ่ม​พลัน​ใจตรงกัน​ ถามเอง​ตอบ​เอง​ว่า​อะไร​คือ​พุทธะ​? เด็กน้อย​ปิ่ง​ติง​มาขอ​ไฟ หลวงจีน​เฒ่าพยักหน้า​รับ​เบา​ๆ กระทืบเท้า​หนัก​ๆ หนึ่ง​ที​ สุดท้าย​ก็​ยิ้ม​เอ่ย​ประโยค​หนึ่ง​ว่า​ อย่า​เผย​หลักฐาน​…

ปี​นั้น​หลังจากที่​ในที่สุด​ก็​คิด​จน​เข้าใจ​เรื่อง​หนึ่ง​อย่าง​กระจ่าง​ ปัญญาชน​วัยกลางคน​ที่​ฝึก​ตน​อยู่​ใน​นคร​จิน​ชุ่ย​มานาน​หลาย​ปี​ผู้​นี้​ ความคิด​จิตใจ​ส่วนใหญ่​ล้วน​เอา​ไป​วาง​ไว้​บน​พระ​สูตร​พระ​วินัย​และ​พระ​อภิธรรม​แต่ละ​สาย​ของ​ลัทธิ​พุทธ​ที่​ยิ่งใหญ่​ไพศาล​เหมือน​มหาสมุทร​หมด​แล้ว​

นอก​ศาลา​ เจ้านคร​หญิง​ของ​นคร​จิน​ชุ่ย​เดิน​นวยนาด​มาถึง เมื่อ​นาง​หยุด​เท้า​แล้วก็​มอง​อยู่​พัก​หนึ่ง​ เนื่องจาก​ ‘อาจารย์​’ ท่าน​นั้น​ไม่ได้​อำพราง​ภาพ​บรรยากาศ​ นาง​ถึงได้​มอง​เห็นภาพ​ประหลาด​ที่​ปรากฏ​ขึ้น​ใน​ศาลา​ รอ​กระทั่ง​ ‘อาจารย์​’ ท่าน​นั้น​หันหน้า​มามอง​ตน​ นาง​ถึงได้​ยอบ​กาย​คารวะ​ด้วย​ท่วงท่า​สุภาพ​เรียบร้อย​ คลี่​ยิ้ม​หวาน​ ถามด้วย​น้ำเสียง​อ่อนโยน​ “อาจารย์​ ท่าน​ทำ​อะไร​อยู่​หรือ​เจ้าคะ​?”

เจ้านคร​ชิงเจีย​ ฉายา​ว่า​ ‘ยวน​หู​’ คือ​ผู้ฝึก​ตน​หญิง​เผ่า​ปีศาจ​ขอบเขต​เซียน​เห​ริน​ อันที่จริง​นาง​ได้​ครอบครอง​ ‘สุ่ย​เลี่ยน​’ ชุด​คลุม​อาคม​ระดับ​ขั้น​เป็น​อาวุธ​เซียน​ชิ้น​หนึ่ง​ เพียงแต่ว่า​หลาย​ปี​มานี้​ที่อยู่​ใน​นคร​จิน​ชุ่ย​ หาก​ไม่ต้อง​จัด​งานพิธี​ต่างๆ​ นาง​ก็​จะสวม​ ‘เจียว​เย่’​ ชุด​คลุม​อาคม​สีเขียว​มรกต​ลักษณะ​เรียบง่าย​ที่อยู่​บน​ร่าง​ตัว​นี้​แล้ว​ประทิน​โฉมอ่อน​ๆ เท่านั้น​

แขก​ที่​คอย​ช่วย​ออก​หัวคิด​ให้​กับ​นคร​จิน​ชุ่ย​ซึ่งถูก​ชิงเจีย​เรียกขาน​ว่า​ ‘อาจารย์​’ ด้วย​ความเคารพ​ผู้​นี้​ลุกขึ้น​ยืน​ ยิ้ม​บาง​ๆ เอ่ย​ว่า​ “อยู่​ว่าง​ๆ ไม่มีอะไร​ทำ​ก็​เลย​คิด​อะไร​ไป​เรื่อยเปื่อย​ พูดคุย​กัน​แก้​เบื่อ​เท่านั้น​”

แซ่ก่าย​นาม​เจิ้ง คือ​ผู้ฝึก​ตน​ของ​ต่างถิ่น​คน​หนึ่ง​

เขา​มาเป็น​เค่อ​ชิงอยู่​ใน​นคร​จิน​ชุ่ย​เกือบ​ร้อย​ปี​แล้ว​ ส่วนใหญ่​มักจะ​เก็บตัว​สันโดษ​ไม่ค่อย​ออก​ไป​ไหน​ แทบจะ​ไม่เคย​เผย​ตัว​ให้​คน​เห็น​ ต่อให้​เป็น​ลูกศิษย์​ผู้สืบทอด​ของ​ชิงเจีย​กลุ่ม​นั้น​ต่าง​ก็​ไม่เคย​รู้​ว่า​นคร​จิงชุ่ย​มีบุคคล​ประหลาด​ผู้​นี้​อยู่​ด้วย​

บางครั้ง​ก่าย​เจิ้งก็​จะออก​เดินทางไกล​อย่าง​เงียบเชียบ​บ้าง​ ไม่เคย​บอกกล่าว​กับ​ชิงเจีย​ และ​นาง​เอง​ก็​ไม่เคย​ถามให้​มากความ​

สีหน้า​ของ​ชิงเจีย​จริงใจ​ “อาจารย์​ไม่จำเป็นต้อง​สนใจ​พิธีรีตอง​พวก​นี้​ กฎเกณฑ์​ใน​ใต้​หล้า​ก็​คือ​กรอบ​ที่​สร้าง​ขึ้น​เพื่อ​มนุษย์​ธรรมดา​อย่าง​เรา​ๆ ด้วย​ความรู้​ที่​เลิศ​ล้ำ​เทียมฟ้า​ของ​อาจารย์​ ไม่จำเป็นต้อง​สนใจ​หรอก​”

ปัญญาชน​วัยกลางคน​ยิ้ม​กล่าว​ “เข้า​เมือง​ตา​หลิ่ว​หลิ่วตา​ตาม​ ไม่ควร​ละทิ้ง​มารยาท​”

ชิงเจีย​เอ่ย​ชื่นชม​จาก​ใจจริง​ “อาจารย์​มีข้อเรียกร้อง​ต่อ​ตัวเอง​อย่าง​เข้มงวด​ดุจ​สายลม​สารท​ที่​พัด​ใบไม้​ร่วง​อย่าง​ไร้​ปราณี​”

ปัญญาชน​วัยกลางคน​ส่ายหน้า​ “ไม่ใช่ว่า​บัณฑิต​ที่​เคย​เปิด​อ่านหนังสือ​แค่​ไม่กี่​เล่ม​มาก่อน​ ก็​สามารถ​ถูก​เรียก​ว่า​อาจารย์​ได้​แล้ว​”

คำ​เรียกขาน​ว่า​อาจารย์​นี้​ อันที่จริง​มีมาก่อน​ ‘บัณฑิต​’ ของ​ยุค​บรรพกาล​เสีย​อีก​ ความหมาย​ใหญ่​ยิ่งกว่า​ มาก​พอ​จะทัดเทียม​กับ​คำ​ว่า​ ‘นักพรต​’ ได้​

ชิงเจีย​ยืน​อยู่​ที่​เชิงบันได​ของ​ศาลา​อย่าง​ว่าง่าย​ตลอดเวลา​ ถามหยั่งเชิง​ว่า​ “อันที่จริง​วันนี้​ไม่มีเรื่อง​อยาก​จะขอ​ความรู้​จาก​อาจารย์​ สามารถ​เข้าไป​นั่ง​ใน​ศาลา​ได้​หรือไม่​?”

บ่า​สอง​ข้าง​แต่ละ​ด้าน​ของ​ผู้ฝึก​ตน​หญิง​มีนก​ฮว่า​เหวย​ตัว​หนึ่ง​และ​ภูต​พันธ์​ไม้ที่​มีชื่อว่า​สาว​ทอผ้า​เกาะ​อยู่​ ใน​ทาง​ส่วนตัว​แล้ว​ ชิงเจีย​เรียก​เค่อ​ชิงที่​มีนามแฝง​ว่า​ก่าย​เจิ้งผู้​นี้​ด้วย​ความเคารพ​ว่า​ ‘อาจารย์​’ โดยที่​ไม่เพิ่ม​แซ่มาโดยตลอด​

แล้ว​นับประสาอะไร​กับ​ที่​เจ้าของ​นคร​จิน​ชุ่ย​ตัวจริง​ก็​ไม่ใช่นาง​มานาน​แล้ว​

เพียงแต่ว่า​ความจริง​บางอย่าง​ที่​ทำให้​ชิงเจีย​รู้สึก​ว่า​ ‘น่าสนุก​’ ที่สุด​ ไม่ใช่น่าหวาดกลัว​ ก็​คือ​นาง​ได้​เห็น​อาจารย์​ใน​ศาลา​ท่าน​นี้​กับ​ตา​ตัวเอง​ หาไม่​แล้ว​ความทรงจำ​ทั้งหมด​ของ​นาง​ที่​เกี่ยวกับ​คน​ผู้​นี้​ก็​เหมือน​ถูก​ขัง​ใส่กลอน​ไว้​ใน​ห้อง​แห่ง​หนึ่ง​ นาง​ที่​เป็นเจ้าของ​กลับ​ไม่มีกุญแจ​ห้อง​ กุญแจ​ห้อง​ดอก​นั้น​กลับ​กลายเป็น​ว่า​ไป​อยู่​ใน​มือ​ของ​อาจารย์​ท่าน​นี้​แทน​

นี่​จึงเป็นเหตุให้​แม้แต่​ตัวนาง​เอง​ก็​ยัง​ไม่รู้เรื่อง​นี้​ ถ้าอย่างนั้น​ตลอดทั้ง​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ ใคร​เล่า​จะสามารถ​รู้​ความจริง​ข้อ​นี้​ได้​?

ชิงเจีย​รู้สึก​ว่า​น่าสนใจ​มาก​ ก็​เหมือน​แม่นาง​น้อย​คน​หนึ่ง​ที่​เริ่ม​มีรัก​แล้ว​ต้อง​แอบ​ซุกซ่อน​ความลับ​อย่างหนึ่ง​ที่​ไม่ยินดี​จะแบ่งปัน​ให้​คนอื่น​รู้​

สามารถ​กุม​จิต​แห่ง​มรรคา​ของ​ผู้ฝึก​ตน​ขอบเขต​เซียน​เห​ริน​คน​หนึ่ง​ไว้​ใน​มือ​กำ​เล่น​ได้​ตามใจชอบ​ เกรง​ว่า​ต่อให้​เป็น​ผู้ฝึก​ตน​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ขั้นสูงสุด​ก็​ยัง​ไม่กล้า​พูดว่า​ตัวเอง​ต้อง​ทำได้​แน่นอน​ หาก​จะบอ​กว่า​ให้​อีก​ฝ่าย​รู้เรื่อง​นี้​แล้วก็​ยัง​ยินยอมพร้อมใจ​อยู่​เหมือนเดิม​ นั่น​ก็​ยิ่ง​น่า​เหลือเชื่อ​เข้าไป​ใหญ่​ และ​ ‘ยวน​หู​’ เซียน​หญิง​แห่ง​นคร​จิน​ชุ่ย​ก็​ไม่ใช่คน​ที่​มีนิสัย​อ่อนโยน​นุ่มนิ่ม​อะไร​ อาศัย​แค่​ขอบเขต​เซียน​เห​ริน​คนเดียว​ที่​ไม่มีบรรพ​จารย์​ให้​พึ่งพิง​ อีก​ทั้ง​นาง​เกิด​มาก็​ไม่เชี่ยวชาญ​การเข่นฆ่า​ แต่กลับ​สามารถ​ปกป้อง​นคร​จิน​ชุ่ย​ทั้ง​แห่ง​และ​ผู้ฝึก​ตน​หญิง​หลาย​ร้อย​คน​เอาไว้​ได้​ ก็​รู้​ได้​แล้ว​ว่า​จิต​แห่ง​มรรคา​ของ​ยวน​หู​ต้อง​แข็งแกร่ง​ถึงเพียงใด​

ปัญญาชน​วัยกลางคน​ไม่ได้​สลาย​ภาพ​เหตุการณ์​ผิดปกติ​ใน​ศาลา​ทิ้ง​ไป​ ยิ้ม​เอ่ย​ว่า​ “แน่นอน​ว่า​แขก​ต้อง​ตามใจ​เจ้าบ้าน​”

ชิงเจีย​ได้ยิน​แล้วก็​ขบ​ริมฝีปาก​ ดวงตา​เรียว​ยาว​คลอ​ประกาย​น้ำ​งดงาม​คู่​นั้น​มีทั้ง​ความ​แง่งอน​ ทั้ง​ยัง​เปี่ยม​ไป​ด้วย​เสน่ห์​น่าหลงใหล​ นาง​เดิน​ขึ้น​บันได​มา ยก​ชายกระโปรง​ขึ้น​ เดิน​เข้ามา​ใน​ศาลา​แล้ว​ถึงสัมผัส​ได้​ถึงระดับ​ความกว้างขวาง​ของ​ศาลา​เล็ก​ๆ หลัก​นี้​ นาง​เดิน​อ้อม​ผ่าน​อิฐ​เขียว​บน​พื้น​บาง​ก้อน​ที่​มีกลิ่นอาย​มรรคา​ล้อม​เวียนวน​ไป​อย่าง​ระมัดระวัง​ สุดท้าย​ไป​นั่งลง​ฝั่งตรงข้าม​กับ​อาจารย์​

เซียน​เห​ริน​หญิง​คน​หนึ่ง​ที่​ชื่อเสียง​เลื่องลือ​ไป​ทั้ง​ใต้​หล้า​ เวลานี้​นั่ง​ตัวตรง​อย่าง​สำรวม​เหมือน​เผชิญหน้า​กับ​อาจารย์​ที่​สอนหนังสือ​ใน​โรงเรียน​ท่าน​หนึ่ง​

ชิงเจีย​นั่งลง​แล้วก็​เผย​สีหน้า​ละอายใจ​ที่​สู้ไม่ได้​ออกมา​หลาย​ส่วน​ เอ่ย​เย้ยหยัน​ตัวเอง​ว่า​ “แค่​การ​คิด​ไป​เรื่อย​ที่​ใช้ฆ่าเวลา​ของ​อาจารย์​ ผลลัพธ์​ที่​ได้​ออกมา​ บางที​อาจ​เป็น​ความลี้ลับ​มหัศจรรย์​ที่​พวก​คน​โง่เขลา​อย่าง​พวกเรา​ใช้เวลา​หมดสิ้น​ทั้ง​ชีวิต​ก็​ยัง​มิอาจ​ทำความเข้าใจ​ได้​”

ปัญญาชน​วัยกลางคน​ส่ายหน้า​ “สหาย​ยวน​หู​ชมกัน​เกินไป​แล้ว​ คน​ผู้​หนึ่ง​ยิ่ง​มีความรู้​มาก​เท่าไร​ก็​ยิ่ง​ต้อง​เผชิญ​กับ​ความไม่รู้​ที่​ใหญ่​มากขึ้น​เท่านั้น​ มนุษย์​ธรรมดา​นั้น​อยู่​ที่ว่า​รู้​อะไร​ ส่วน​ผู้ฝึก​ตน​กลับ​อยู่​ที่ว่า​ตัวเอง​ไม่รู้​อะไร​”

ชิงเจีย​ไร้​คำพูด​ตอบโต้​

ปัญญาชน​วัยกลางคน​นั่ง​ตัวตรง​ คลี่​ยิ้ม​อบอุ่น​ ทว่า​ใน​สายตา​ของ​ชิงเจีย​แล้ว​ อีก​ฝ่าย​กลับเป็น​เห​มือ​น.​..ทวยเทพ​ผู้​สูงส่ง

ช่วยไม่ได้​ คน​ตรงหน้า​ผู้​นี้​ก็​คือ​เจิ้งจวี​จงแห่ง​นคร​จักรพรรดิ​ขาว​ที่​กล้า​สังหาร​คนใน​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​ แล้วก็​สามารถ​สังหาร​คน​บน​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​ได้​ง่ายๆ​ เชียว​นะ​

ชิงเจีย​ทำ​ท่าจะ​พูด​แต่​ก็​ไม่พูด​

ก็​เหมือน​อย่าง​ที่​ตัวนาง​เอง​กล่าว​ไว้​ เดิมที​ไม่คิด​จะคุย​เรื่อง​เป็นการเป็นงาน​อะไร​ แต่​รอ​กระทั่ง​นาง​เข้ามา​ใน​ศาลา​ นั่งลง​ตรงข้าม​กับ​เจิ้งจวี​จงแล้ว​ ดูเหมือนว่า​หาก​ไม่พูด​อะไร​เลย​ นาง​กลับ​จะรู้สึก​ว่า​…ย่ำยี​ทรัพยากร​สวรรค์​ให้​เสียเปล่า​

ส่วน​การ​เดิน​ขึ้น​สู่ที่สูง​อย่าง​ต่อเนื่อง​และ​บทสนทนา​ของ​ภิกษุ​สอง​รูป​ใน​ ‘ฟ้าดิน​เล็ก​’ ของ​ศาลา​ ชิงเจีย​เห็น​แล้วก็​เหมือน​ไม่ได้​เห็น​ ได้ยิน​แล้วก็​เหมือน​ไม่ได้ยิน​ เพราะ​ไม่เข้าใจ​อะไร​เลย​แม้แต่น้อย​ อีก​อย่าง​มรรคา​ของ​พวกเขา​ก็​แตก​ต่างกัน​ด้วย​

ชิงเจีย​ฝืน​ข่ม​กลั้น​ความคิด​ที่​ผุด​ขึ้น​มาใน​ใจลง​ไป​ เปลี่ยน​หัวข้อ​พูดคุย​ แต่กระนั้น​ก็​ยัง​เป็น​คำถาม​ที่​สงสัย​อยู่​ใน​ใจมาเนิ่นนาน​ “ขอ​ถามท่าน​อาจารย์​ ท่าน​รู้สึก​ว่า​มีเรื่อง​อะไร​ที่​น่าสนใจ​อย่าง​แท้จริง​บ้าง​ไหม​?”

เจิ้งจวี​จงยิ้ม​บาง​ๆ “หลาย​เรื่อง​เลย​ล่ะ​”

ยกตัวอย่างเช่น​ใน​พื้นที่​มงคล​แห่ง​หนึ่ง​ที่อยู่​ระดับ​กลาง​ เจิ้งจวี​จงเคย​ให้​ตัวเอง​คน​หนึ่ง​ก่อร่างสร้างตัว​ขึ้น​มาด้วย​มือเปล่า​ จาก​บัณฑิต​อ่อนแอ​ที่​ไม่มีแรง​แม้แต่​จะจับไก่​ ใน​เวลา​สั้น​ๆ เพียง​ยี่สิบ​ปี​ก็​กลายเป็น​กุนซือ​ท่าน​หนึ่ง​ที่​สามารถ​ช่วย​จักรพรรดิ​พระองค์​หนึ่ง​ให้​รวบรวม​ใต้​หล้า​เป็นปึกแผ่น​ได้​สำเร็จ​ ขณะเดียวกัน​ก็​เพิ่ม​สถานะ​ใหม่เอี่ยม​เข้ามา​อีก​สอง​อย่าง​ หนึ่ง​ใน​นั้น​ก็​คือ​บุรุษ​หยาบกระด้าง​ไร้​การศึกษา​ที่​มีพรสวรรค์​ใน​การเรียน​วร​ยุทธ​ดีเยี่ยม​ที่​ชูธงขึ้น​ก่อ​การปฏิวัติ​ อีก​คน​หนึ่ง​กลายเป็น​ผู้ฝึก​ลมปราณ​บน​ยอดเขา​ คุณสมบัติ​ด้าน​การ​ฝึก​ตน​ธรรมดา​ พอ​ลง​จาก​ภูเขา​มาแล้วก็​ไป​เป็น​นัก​ยุทธศาสตร์​

ทั้ง​สามคน​ต่าง​ก็​มีเส้นทาง​ความคิด​หลัก​ที่ซ่อน​แฝงอยู่​เส้น​หนึ่ง​ซึ่งชักนำ​ให้​คน​ทั้ง​สามเดิน​ไป​บน​เส้นทาง​ที่​แตก​ต่างกัน​ แบ่ง​แยกกัน​รับผิดชอบ​สามเรื่อง​ ก่อสร้าง​ ทำลาย​ ซ่อมแซม​

เจิ้งจวี​จงก้มหน้า​ลง​มอง​ภูเขา​ลูก​นั้น​แล้ว​พลัน​เอ่ย​ว่า​ “สหาย​ยวน​หู​ควรจะ​วางแผน​ใน​ระยะยาว​ให้​กับ​นคร​จิน​ชุ่ย​ได้​แล้ว​”

ชิงเจีย​รู้สึก​โล่งใจ​เหมือน​ยกภูเขาออกจากอก​ เอ่ย​เสียง​หนัก​ว่า​ “ขอ​ท่าน​อาจารย์​โปรด​ชี้แนะ​”

สภาพการณ์​ของ​นคร​จิน​ชุ่ย​ใน​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​เหมือนกับ​สำนัก​จิ่ว​เฉวียน​

รากฐาน​ใน​การ​หยัดยืน​ของ​สำนัก​อักษร​จงทั้งสอง​แห่ง​แบ่ง​ออก​เป็น​การหลอม​ชุด​คลุม​อาคม​และ​การ​หมัก​สุรา​เซียน​

โลก​ภายนอก​มองว่า​ เนื่องจาก​นคร​จิน​ชุ่ย​เคย​ช่วยเหลือ​หย่า​งจื่อ​ปีศาจ​ใหญ่​บน​บัลลังก์​เก่า​ให้​ยกระดับ​ขั้น​ของ​ชุด​คลุม​มังกร​สีหมึก​ขึ้น​สูงไป​อีก​ขั้น​ ถึงได้รับ​การปกป้อง​คุ้มครอง​จากหย่า​งจื่อ​ ก็​ไม่ผิด​ เพราะ​ถึงอย่างไร​ปีศาจ​ใหญ่​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ของ​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​กลุ่ม​นั้น​ก็​มีน้อย​นัก​ที่จะ​รุกราน​นคร​จิน​ชุ่ย​ แต่​นี่​กลับ​ไม่ใช่ความจริง​ทั้งหมด​ หย่า​งจื่อ​โปรดปราน​ชิงเจีย​มากกว่า​ใคร​ก็​จริง​ แต่​ก็​ยังคง​อยาก​จะกลืน​กิน​สำนัก​ของ​นาง​ เอา​มาทำเป็น​อ่าง​รวม​สมบัติ​ที่​เงินทอง​ไหล​มาเท​มาของ​ตัวเอง​ การ​ที่​ยัง​ทำ​ไม่สำเร็จ​ก็​เพราะ​ชิงเจีย​ยืนกราน​ใน​ความคิด​ของ​ตัวเอง​ ถึงขั้น​ที่​ยัง​เคย​ทิ้ง​วาจา​รุนแรง​อย่าง​ไม่เกรงกลัว​ ดูเหมือน​หย่า​งจื่อ​เอง​ก็​มีความกังวล​บางอย่าง​ที่​คนอื่น​ไม่รู้​ นาง​ถึงได้​ไม่ถือสา​ชิงเจีย​ กลับกัน​ยัง​ไม่เคย​บอกกล่าว​ความขมขื่น​นี้​ให้​คนนอก​ทราบ​

เนื่องจาก​ชุด​คลุม​อาคม​ของ​นคร​จิน​ชุ่ย​มีธรณีประตู​ใน​การ​หล่อหลอม​สูง จึงยาก​ที่จะ​ผลิต​ออกมา​ใน​ปริมาณมาก​ คราว​ก่อนที่​โจมตี​ใต้​หล้า​ไพศาล​ นคร​จิน​ชุ่ย​กับ​สำนัก​ทั้งหลาย​ที่​มีนคร​เซียน​จาน​เป็นหนึ่ง​ใน​นั้น​ต่าง​ก็​ถือว่า​จ่าย​เงิน​ฟาดเคราะห์​ มอบ​เงิน​เทพ​เซียน​ก้อน​ใหญ่​ออก​ไป​ และ​ทาง​ฝั่งของ​นคร​จิน​ชุ่ย​นี้​ก็​โยกย้าย​ชุด​คลุม​อาคม​ที่เก็บ​ซ่อน​ไว้​ใน​คลัง​ลับ​นาน​เป็น​พันปี​ เอา​ไป​หักลบกลบหนี้​มอบให้​กระโจม​เจี่ยจื่อ​แล้ว​

ดังนั้น​ทาง​ฝั่งของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​จึงไม่เคย​มีผู้ฝึก​ตน​คนใด​ของ​นคร​จิน​ชุ่ย​ปรากฏตัว​ ส่วน​เจ้านคร​อย่าง​ชิงเจีย​ก็​แค่​เผย​กาย​ใน​การประชุม​ของ​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​ใน​ภายหลัง​เท่านั้น​ คุมเชิง​อยู่​กับ​ผู้ฝึก​ตน​ใหญ่​ของ​ไพศาล​ที่​เข้าร่วม​การประชุม​ของ​ศาล​บุ๋น​อยู่​ไกลๆ​ ในความเป็นจริง​แล้ว​ ตอนนั้น​สายตา​ของ​ฝ่ายตรงข้าม​ที่​มอง​ประเมิน​เซียน​หญิง​แห่ง​นคร​จิน​ชุ่ย​ผู้​นี้​อย่าง​พินิจพิเคราะห์​ก็​มีอยู่​ไม่น้อย​ แน่นอน​ว่า​ยัง​เป็น​เพราะ​ชุด​คลุม​อาคม​ ‘เลี่ยน​สุ่ย’​ ที่​เส้น​ทางน้ำ​แบ่งแยก​หยิน​หยาง​ ตะวัน​จันทรา​สลับ​สับเปลี่ยน​ ดวงดาว​เคลื่อน​คล้อย​แผ่​กลิ่นอาย​มหา​มรรคา​บน​ร่าง​ของ​นาง​

เจิ้งจวี​จงเหลือบมอง​เซียน​เห​ริน​หญิง​ผู้​นี้​แล้ว​พยักหน้า​เอ่ย​ว่า​ “ข้อเสนอแนะ​ของ​สหาย​เถาถิง ใน​ทิศทาง​ใหญ่​ถือว่า​ถูกต้อง​แล้ว​”

มอง​จิต​แห่ง​มรรคา​ พลิก​ค้น​ความทรงจำ​ของ​ผู้อื่น​ได้​อย่าง​ง่ายดาย​เหมือน​เปิด​หน้า​หนังสือ​

ชิงเจีย​ไม่ได้​รู้สึก​อึดอัด​ใดๆ​ เพียงแค่​ซักถาม​ต่อว่า​ “แล้ว​ความเห็น​ของ​ท่าน​อาจารย์​ล่ะ​?”

นคร​จิน​ชุ่ย​สามารถ​ตั้ง​ตระหง่าน​ไม่ล้ม​ลงมา​นาน​หลาย​พันปี​ อยู่​ที่ว่า​มีภูเขา​ที่พึ่ง​สอง​ลูก​ นั่น​คือ​หย่า​งจื่อ​ที่อยู่​ใน​มุมสว่าง​ กับ​เถาถิงแห่ง​เปลี่ยว​ร้าง​ที่อยู่​ใน​มุมมืด​

น่าเสียดาย​ที่​หย่า​งจื่อ​ปีศาจ​ใหญ่​อดีต​ราชา​บน​บัลลังก์​ไม่อาจ​หวน​กลับคืน​สู่เปลี่ยว​ร้าง​ ถูก​หลิ่ว​ชีขัดขวาง​เส้นทาง​ไป​ ตอนนี้​ได้​ถูก​ศาล​บุ๋น​จับ​ขัง​ไว้​แล้ว​ เถาถิงเอง​ก็​เป็น​สุนัข​เฝ้าบ้าน​อยู่​ที่​ภูเขาใหญ่​แสน​ลี้​มานาน​หลาย​ปี​แล้ว​ ทุกวันนี้​ก็​ยิ่ง​อยู่​ที่​ใต้​หล้า​ไพศาล​ สะบัด​กาย​เปลี่ยน​ร่าง​ กลาย​มาเป็น​นักพรต​เนิ่น​ที่​ก่อ​วีรกรรม​สร้าง​ชื่อ​บน​เกาะ​ยวน​ยาง​ไป​แล้ว​

ดังนั้น​หนึ่ง​ใน​ลูกศิษย์​ผู้สืบทอด​ของ​บรรพบุรุษ​ใหญ่​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​ ซิน​จวง​ปีศาจ​ใหญ่​ที่​เป็น​ผู้ฝึก​ตน​หญิง​เหมือนกัน​ ก่อนหน้านี้​จึงได้​บอก​ให้​นคร​จิน​ชุ่ย​มอบ​วิชา​ลับ​และ​คาถา​ใน​การหลอม​ชุด​คลุม​อาคม​ออกมา​ให้​ทั้งหมด​

นคร​จิน​ชุ่ย​ไม่เหลือ​พื้นที่​ให้​ต่อรอง​ใดๆ​ เพื่อ​เป็น​ข้อแลกเปลี่ยน​ ภูเขา​ทัว​เย​ว่​จะอนุญาต​ให้​นคร​จิน​ชุ่ย​สามารถ​เลือก​สถาน​ที่สอง​แห่ง​มาสร้าง​สำนัก​เบื้องล่าง​สอง​แห่ง​ได้​ตามใจชอบ​

เพียงแต่ว่า​สำหรับ​ชิงเจีย​แล้ว​ ผลประโยชน์​ที่​มีดีแต่​เปลือก​ประเภท​นี้​มีความหมาย​ที่​ตรง​ใด​? ไม่มีความหมาย​เลย​แม้แต่น้อย​

ต่อให้​นคร​จิน​ชุ่ย​ก่อตั้ง​สำนัก​เบื้องล่าง​ก็​มิอาจ​รักษา​เอาไว้​ได้​ ผู้สืบทอด​ของ​นคร​จิน​ชุ่ย​มีแต่​ผู้ฝึก​ตน​หญิง​ นอกจาก​หลอม​ชุด​คลุม​อาคม​แล้วก็​ไม่เข้าใจ​สักนิด​ว่า​ควรจะ​เข่นฆ่า​กับ​ผู้อื่น​อย่างไร​

ดังนั้น​ก่อนหน้านี้​เถาถิงจึงเคย​ส่งจดหมาย​ลับ​ที่​ปิดบัง​อำพราง​อย่าง​ถึงที่สุด​ฉบับ​หนึ่ง​มาให้​

ความหมาย​คร่าวๆ​ ก็​หนี​ไม่พ้น​บอกเป็นนัย​แก่​ชิงเจีย​ว่า​ ต้นไม้​ย้ายที่​ตาย​ คน​ย้ายถิ่น​รอด​

ไม่สู้ย้าย​นคร​จิน​ชุ่ย​ไป​ไว้​ที่​ใต้​หล้า​ไพศาล​ หาเลี้ยงชีพ​อยู่​ที่นั่น​ ทั้งสองฝ่าย​ได้​ดูแล​กันและกัน​ เถาถิงต​บอก​รับรอง​มาใน​จดหมาย​ว่า​ เมื่อ​ไป​ถึงที่นั่น​แล้วก็​ไม่กล้า​พูดว่า​จะทำให้​นคร​จิน​ชุ่ย​เจริญรุ่งเรือง​ได้​มากกว่า​เดิม​ แต่​พูดถึง​แค่​เรื่อง​ของ​การรักษา​กิจการ​ครอบครัว​ส่วน​นี้​เอาไว้​ได้​ กับ​ขอ​สถานะ​สำนัก​อักษร​จงมาจาก​ศาล​บุ๋น​ ก็​ไม่เป็นปัญหา​แน่นอน​

——

กระบี่จงมา

กระบี่จงมา

Score 10
Status: Completed

อ่านนิยาย กระบี่จงมา 1 – 400 อ่านนิยาย

( อ่านต่อข้างล่าง )


” หนึ่งโลกธาตุขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยความลี้ลับมหัศจรรย์  ใจกลางฟ้าดิน เคยมีปัญญาชนผู้หนึ่งใช้หนึ่งกระบี่ฟาดฟันให้เกิดน้ำตกธารสวรรค์ คือความภาคภูมิใจสูงสุดของโลกมนุษย์  หน้าผาทะเลบูรพา มีนักพรตไร้นามผู้หนึ่งที่ไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งใด หวังเพียงให้ลมเย็นโชยมาปะทะใบหน้า  แดนสุขาวดีปัจฉิมทิศ มีหลวงจีนเฒ่าที่ชอบเล่าเรื่องราวให้ผู้คนฟัง เลี้ยงมังกรสวรรค์ไว้เก้าตัว พื้นที่กันดารแดนใต้ มีจิตรกรตาบอดควบคุมหุ่นเชิดเกราะทองสูงเท่าเนินเขาให้เคลื่อนย้ายภูเขาใหญ่หนึ่งแสนลูก ปูแผ่เป็นภาพลายปัก
เมื่อวันหนึ่งเด็กหนุ่มยากจนที่เติบโตทางทิศเหนือได้พบกับเซียนที่เหนือศีรษะมีกระบี่บินนับพันนับหมื่นประดุจฝูงตั๊กแตน “

เขาจึงอยากจะไปเห็นปัญญาชนคนนั้น เห็นคลื่นยักษ์ที่โถมตัวเทียมฟ้าของทะเลบูรพา

เห็นทะเลทรายสีเหลืองทองกว้างไกลนับหมื่นลี้ของแดนประจิม

และอยากไปเห็นภูเขาลูกโอฬารของแดนกันดารทางใต้ที่นักเล่านิทานเอ่ยถึงกับตาตัวเอง

ดังนั้น ในที่สุดวันหนึ่ง เด็กหนุ่มจึงสะพายกระบี่ไม้พาดหลัง มุ่งหน้าไปทางทิศใต้

–ข้ามีนามว่าเฉินผิงอัน ผิงอันที่แปลว่าสงบสุข สันติ ข้าคือมือกระบี่คนหนึ่ง–

Options

not work with dark mode
Reset