กระบี่จงมา 957.3 มีคนตีกลอง

ตอนที่ 957.3 มีคนตีกลอง

นักพรต​น้อย​จ้อง​เปลวไฟ​ที่อยู่​ใต้​เตา​หลอม​โอสถ​ ดวง​หน้า​อ่อนเยาว์​ถูก​เปลวไฟ​สาดส่อง​ให้​ดู​มีชีวิตชีวา​ เขา​เบ้​ปาก​พูดว่า​ “จะมีประโยชน์​กะ​ผายลม​อะไร​”

หวัง​หยวน​ลู่​เอา​สอง​มือ​สอด​กัน​ไว้​ใน​ชาย​แขน​เสื้อ​ เอ่ย​เสียง​เบา​ว่า​ “ดีกว่า​ไม่มีประโยชน์​กะ​ผายลม​มาก​นัก​”

นักพรต​น้อย​ได้ยิน​ก็​พลัน​เดือดดาล​อย่าง​หนัก​ เข้าใจผิด​คิด​ว่า​อีก​ฝ่าย​กำลัง​พูดจา​เหน็บแนม​ตน​ เพียงแต่​รอ​กระทั่ง​เขา​หันหน้า​ไป​มอง​กลับ​เห็น​สีหน้า​จริงจัง​ที่​คล้าย​จะแฝงไว้​ด้วย​ความเสียใจ​เล็กน้อย​ของ​อีก​ฝ่าย​

ใต้​หล้า​มืด​สลัว​ มณฑล​กาน​โจว​ ตำหนัก​สุ้ยฉู​

ใน​หอ​ชมทัศนียภาพ​ของ​ตำหนัก​ที่​ตั้งอยู่​ตรง​จุดสูงสุด​ซึ่งถูก​สร้าง​ไว้​กลาง​ภูเขา​ คน​ทั้ง​สี่นัดหมาย​กัน​มาดื่ม​สุรา​

ตอนนี้​พวกเขา​กำลัง​ส่งตำรา​เล่ม​หนึ่ง​ที่​เจ้าตำหนัก​เขียน​ขึ้น​ด้วยตัวเอง​เวียน​กัน​อ่าน​ ใน​ตำรา​บันทึก​ด้วย​ตัวอักษร​เล็ก​เท่า​หัวแมลงวัน​ บันทึก​ขนบธรรมเนียม​และ​ผู้คน​ของ​ที่​ใต้​หล้า​ห้า​สีไว้​อย่าง​ละเอียด​

อยู่​ที่นี่​ทั้ง​สามารถ​มองเห็น​หอ​กว้าน​เชวี่ย​ แล้วก็​สามารถ​มองเห็น​เสากลาง​กระแสน้ำ​ที่​ตั้งอยู่​กลาง​แม่น้ำ​นอก​หอ​กว้าน​เชวี่ย​ซึ่งแท้จริง​แล้ว​คือ​หิน​พัก​มังกร​ก้อน​หนึ่ง​ได้​ด้วย​

พวก​เขาทั้งหลาย​ต่าง​ก็​เป็น​ ‘คน​เก่าแก่​’ ของ​หอ​กว้าน​เชวี่ย​ โรงเตี๊ยม​กว้าน​เชวี่ย​ที่​ใน​อดีต​ไร้​ชื่อเสียง​ เปิดกิจการ​อยู่​ที่​ภูเขา​ห้อย​หัว​ของ​ใต้​หล้า​ไพศาล​มาสอง​สามร้อย​ปี​ โรงเตี๊ยม​เล็ก​ๆ กลับเป็น​สถานที่​พยัคฆ์​ซ่อน​มังกร​หมอบ​ หนึ่ง​บิน​ทะยาน​สอง​เซียน​เห​ริน​ บวก​กับ​ขอบเขต​หยก​ดิบ​อีก​สอง​คน​ นอกจาก​เถ้าแก่​หนุ่ม​แล้ว​ พ่อครัว​และ​นักการ​ของ​โรงเตี๊ยม​อีก​สี่คน​ ใช้นามแฝง​โดย​มีแซ่เป็น​แซ่เหนียน​ อีก​ทั้ง​ยังอยู่​ใน​รูปลักษณ์​ของ​จิต​หยิน​ออก​เดินทางไกล​ไป​ยัง​ภูเขา​ห้อย​หัว​ของ​ใต้​หล้า​ไพศาล​ด้วย​ ‘เด็กสาว​’ คน​หนึ่ง​ใน​นั้น​ที่​ใช้นามแฝง​ว่า​เหนียนชวงฮ​วา​ก็​ยิ่ง​เป็น​บุตรสาว​ทายาท​ของ​เจ้าตำหนัก​อู๋ซวงเจี้ยง​ นาง​มีฉายา​ว่า​ ‘เติง​จู๋’

ส่วน​เถ้าแก่​หนุ่ม​ก็​คือ​ป๋า​ยลั่ว​ที่​อู๋ซวงเจี้ยง​เรียก​ชื่อเล่น​ว่า​เสี่ยว​ป๋า​ย​ คือ​บุคคล​สำคัญ​อันดับ​สอง​ที่​มีอำนาจ​แท้จริง​ใน​การ​จัดการ​กิจธุระ​ของ​ตำหนัก​สุ้ยฉู​

เวลานี้​นอกจาก​ป๋า​ยลั่วคน​เฝ้าคืน​แล้ว​ อีก​สี่คน​ที่​เหลือ​ต่าง​ก็​อยู่​ที่นี่​กัน​หมด​

จางหยวน​ป๋อ​เซียน​เห​ริน​ที่​มีฉายา​ว่า​ต้งจง​หลง​ คือ​ผู้เฒ่า​ผม​ขาว​ที่​ปลายจมูก​เป็น​สีแดงก่ำ​ เขา​โยน​ตำรา​ที่​อ่าน​จบ​แล้ว​เล่ม​นั้น​ไป​ให้​กับ​คู่รัก​ที่​กำลัง​หยอกเย้า​กัน​ซึ่งนั่ง​อยู่​ฝั่งตรงข้าม​ของ​โต๊ะ​

นอกจาก​การ​ฝึก​ตน​แล้ว​ เวลา​อยู่​ว่าง​ๆ หาก​มอบ​เหล้า​ให้​ผู้เฒ่า​คน​นี้​หนึ่ง​กา​ กับแกล้ม​หนึ่ง​จาน​ เขา​ก็​สามารถ​ดื่มได้​ตลอด​ทั้งวัน​

ราวกับว่า​ทุกครั้งที่​ยก​ชามเหล้า​ดื่มเหล้า​หนึ่ง​อึก​ก็​จะต้อง​คาย​กลับ​ไป​ใน​ชามอีก​คำ​ใหญ่​

เขา​ที่นั่ง​บน​โต๊ะ​สุรา​สูด​เหล้า​ดัง​ซู้ด​ หรี่ตา​ลง​ด้วย​สีหน้า​เคลิบเคลิ้ม​ ดื่มเหล้า​ลงคอ​แล้วก็​ตัวสั่น​เยือก​

สถานที่​ประกอบ​พิธีกรรม​ของ​จางหยวน​ป๋อ​ใน​อดีต​ก็​คือ​บน​หิน​พัก​มังกร​ก้อน​นั้น​ ภายหลัง​มีผู้ฝึก​กระบี่​เฉิงเฉวียน​มาอยู่​ จางหยวน​ป๋อ​จึงเป็น​ฝ่าย​ยก​ถิ่น​ของ​ตัวเอง​ให้​อีก​ฝ่าย​ ไม่ต้อง​เปิด​การประชุม​ใน​ศาล​บรรพ​จารย์​ด้วยซ้ำ​ หาก​เรื่อง​หยุมหยิม​แค่นี้​ก็​ยัง​ต้อง​รบกวน​ให้​เจ้าตำหนัก​ช่วย​ตัดสินใจ​ให้​ แพร่​ออก​ไป​แล้​วจะ​ไม่ถูก​คนนอก​หัวเราะ​จน​ฟัน​ร่วง​เลย​หรอก​หรือ​

อวี๋​โฉว​ ซาน​ซ่างจวิน​ยื่นมือ​ไป​รับ​สมุด​เล่ม​นั้น​มา เปิด​ตำรา​อย่าง​ว่องไว​ราวกับ​บิน​ด้วย​สีหน้า​จริงจัง​ เสียง​เปิด​หน้า​หนังสือ​ดัง​พั่บๆ​ แม้ว่า​จะอ่าน​ได้​อย่าง​รวดเร็ว​ แต่กลับ​ไม่กล้า​ข้าม​ตัวอักษร​ไป​แม้แต่​ตัว​เดียว​

เพราะ​ถึงอย่างไร​ก็​เป็น​ตำรา​ที่​เจ้าตำหนัก​เขียน​ขึ้น​เอง​กับ​มือ​

ตอนนั้น​เต้า​กวาน​สามพัน​คน​ของ​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​เข้าไป​อยู่​ใต้​หล้า​ห้า​สี ในนาม​แล้ว​ป๋า​ยอ​วี้​จิงมีคน​แค่​พัน​กว่า​คน​เท่านั้น​ ยัง​ขาด​จาก​จำนวน​ครึ่งหนึ่ง​อีก​ถึงสี่ร้อย​กว่า​คน​

แต่​ในความเป็นจริง​แล้ว​เทียน​จวิน​เซียน​กวาน​ของ​ป๋า​ยอ​วี้​จิงที่​ไป​แตก​กิ่งก้านสาขา​อยู่​ข้างนอก​มีอยู่​ไม่น้อย​ ความสัมพันธ์​ที่​โยงใย​กัน​หลาย​ชั้น​ อันที่จริง​หาก​จะคำนวณ​กัน​อย่าง​คร่าวๆ​ เต้า​กวาน​ของ​ป๋า​ยอ​วี้​จิงก็​ยัง​ได้​ส่วนแบ่ง​รายชื่อ​มาถึงครึ่งหนึ่ง​

คนรัก​บน​ภูเขา​ของ​ชายฉกรรจ์​คน​นี้​มีนาม​ว่า​เซี่ย​ชุน​เถียว​ เรือน​กาย​ของ​สตรี​แข็งแกร่ง​กำยำ​ บุคลิก​ท่าทาง​…ไม่เหมือน​เทพธิดา​อย่างยิ่ง​ นาง​ชอบ​ดื่มเหล้า​ฤทธิ์​แรง​ พูดจา​ทะลึ่ง​สัปดน​

บน​ศีรษะ​ของ​เซี่ย​ชุน​เถียว​ปัก​ปิ่น​ไผ่​สีเขียว​มรกต​ กำลัง​ดื่มเหล้า​เงียบๆ​

ส่วน​คนรัก​ที่อยู่​ข้าง​กาย​ก็​คือ​คน​ที่​ชอบ​มือ​ไม้ยุ่มย่าม​ ราวกับ​ผี​บ้า​ตัณหา​กลับชาติมาเกิด​

สำหรับ​ผู้ฝึก​ตน​แล้ว​ การ​ตี​กัน​บน​เตียง​ประเภท​นั้น​จะไป​มีความหมาย​กะ​ผายลม​อะไร​ แต่​ใน​เมื่อ​เป็น​คนรัก​กัน​ ก็​จะเล่น​พลิก​ผ้า​ปู​เตียง​กับ​เขา​ไป​แล้วกัน​

ชายฉกรรจ์​ยื่น​ส่งตำรา​เล่ม​นั้น​ให้​กับ​คนรัก​ที่อยู่​ข้าง​กาย​ ยัง​ไม่ลืม​บีบ​ข้อมือ​ขาวนวล​ของ​สตรี​ออกเรือน​แล้ว​ ผล​คือ​ถูก​เซี่ย​ชุน​เถียว​ที่​มือหนึ่ง​รับ​ตำรา​มา อีก​มือหนึ่ง​ตบ​เข้าที่​ศีรษะ​ของ​อีก​ฝ่าย​ ตบ​จน​ชายฉกรรจ์​เกือบจะ​ร่าง​หมุนติ้ว​อยู่​ที่​เดิม​

จางหยวน​ป๋อ​ขมวดคิ้ว​กล่าว​ “ทำไม​ใน​ช่วงเวลา​เช่นนี้​ถึงมีอันดับ​รายชื่อ​ของ​สิบ​คนใน​ใต้​หล้า​โผล่​มากะทันหัน​ เร็ว​กว่า​ที่​คาดการณ์​ไว้​ตั้ง​เจ็ด​แปด​ปี​”

อวี๋​โฉว​หัวเราะ​ร่วน​ “อยาก​จะทำ​อะไร​ก็​ทำ​ไป​เถอะ​ ถึงอย่างไร​ข้า​ผู้อาวุโส​ก็​ไม่ได้​มีชื่อ​ติด​บน​กระดาน​ ก็​ไม่เกี่ยว​ห่า​เหว​อะไร​กับ​ข้า​แล้ว​”

เซี่ย​ชุน​เถียว​อ่าน​ตำรา​พลาง​เอ่ย​ว่า​ “ประเด็นสำคัญ​คือ​ทาง​ฝั่งของ​พรรค​เซียน​จั้งป่าวประกาศ​อย่าง​ชัดเจน​ว่า​รายชื่อ​นี้​ไม่ใช่ฝีมือ​ของ​พวกเรา​ นี่​ก็​ชวน​ให้​ขบ​คิดมาก​แล้ว​”

‘เด็กสาว​’ ที่​ใช้นามแฝง​ว่า​เหนียนชวงฮ​วา​ ใน​ฐานะ​ที่​นาง​เป็น​บุตรสาว​ของ​อู๋ซวงเจี้ยง​ ชื่อจริง​คือ​อู๋​ฮุ่ย​ เพียงแต่ว่า​ชื่อ​นี้​ดูเหมือนว่า​จะตั้ง​อย่าง​ขาดทุน​อยู่​สักหน่อย​

เพราะ​เสียง​ที่​พ้อง​กับ​ชื่อ​นี้​ไม่ค่อย​ดี​เท่าใด​นัก​ อู​ฮุ่ย​ (สิ่งสกปรก​) อู้​ฮุ่ย​ (เข้าใจผิด​) อู่​หุ่ย​ (ไม่เสียใจ​) …

ตอนนั้น​ที่​ปล่อย​จิต​หยิน​เดินทางไกล​ พวกเขา​ต้อง​ข้าม​ใต้​หล้า​ถึงสอง​แห่ง​ ล้วน​ไม่ใช่จิตวิญญาณ​ที่​สมบูรณ์แบบ​ ร่าง​จริง​และ​จิต​หยาง​ต่าง​ก็​อยู่​ที่​ตำหนัก​สุ้ยฉู​

แน่นอน​ว่า​ถูก​เจ้าตำหนัก​อู๋ซวงเจี้ยง​ใช้เวท​ลับ​บางอย่าง​ช่วย​พิทักษ์​ปกป้อง​ หาไม่​แล้วด้วย​ขอบเขต​ของ​พวกเขา​ จิต​หยิน​ก็​ไม่มีทาง​อยู่​ที่​ภูเขา​ห้อย​หัว​ได้​นาน​ขนาด​นั้น​ อีก​ทั้ง​ต่าง​คน​ต่าง​ยัง​สามารถ​ฝึก​ตน​ต่อไป​ได้​

ผู้ฝึก​กระบี่​หญิง​อายุ​น้อย​ห้อย​กลอง​ป๋อง​แป๋ง​ขนาดเล็ก​จิ๋ว​ไว้​ที่​เอว​ หน้า​กลอง​วาดภาพ​สีด้วย​ฝีมือ​ประณีต​ หนัง​กลอง​เย็บ​มาจาก​หนัง​มังกร​ ด้าม​ไม้ท้อ​ห้อย​อัญมณี​แก้ว​ใสเม็ด​หนึ่ง​ที่​ผูก​ไว้​ด้วย​ด้าย​สีแดง​

ด้วย​ตบะ​ของ​เด็กสาว​ นี่​ก็​คือ​วัตถุ​แห่ง​ชะตาชีวิต​อีก​ชิ้น​หนึ่ง​ที่​ถูก​นาง​หล่อหลอม​ ถึงกับ​มิอาจ​บดบัง​แสงอัญมณี​ที่​ส่อง​ประกาย​เจิดจ้า​เอาไว้​ได้​ทั้งหมด​ นี่​แสดงให้เห็น​ว่า​กลอง​เล็ก​ชิ้น​นี้​ไม่เพียงแต่​เป็น​สมบัติ​หนัก​ระดับ​ขั้น​ของ​อาวุธ​เซียน​ อีก​ทั้ง​ใน​บรรดา​อาวุธ​เซียน​ก็​ถูก​กำหนด​มาแล้ว​ว่า​มัน​ต้อง​เป็น​ของ​ชั้นสูง​ ทาง​ฝั่งของ​ตำหนัก​สุ้ยฉู​นี้​ คืน​ก่อน​วัน​สิ้นปี​ของ​ทุกๆ​ ปี​จะมีประเพณี​เก่าแก่​ที่จะ​ต้อง​จุด​ตะเกียง​ทุก​ดวง​ เทียน​ทุก​เล่ม​ให้​สว่างไสว​และ​ตี​กลอง​เพื่อ​ขับ​ไล่ผี​แห่ง​โรคระบาด​ คน​ที่​รับผิดชอบ​จัดการ​สอง​เรื่อง​นี้​ก็​คือ​อู๋​ฮุ่ย​

ตอนที่​อู๋​ฮุ่ย​อยู่​ใน​โรงเตี๊ยม​กว้าน​เชวี่ย​ ใช้นามแฝง​ว่า​เหนียนชวงฮ​วา​

เพราะ​ตอนที่​อายุ​น้อย​ มีครั้งหนึ่ง​ที่​นาง​เฝ้าคืน​อยู่​กับ​บิดา​

อู๋ซวงเจี้ยง​ชอบ​อ่านหนังสือ​เบ็ดเตล็ด​ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​ชอบ​อ่าน​บันทึก​ของ​นักประพันธ์​ที่​เกี่ยวกับ​เกร็ด​ประวัติ​ต่างๆ​ อู๋​ฮุ่ย​จึงเคย​ได้ยิน​บิดา​พูดถึง​ประโยค​หนึ่ง​ใน​หนังสือ​

คนใน​หน้าต่าง​เขียน​อักษร​แปะ​ดอกไม้​บน​กระดาษ​หน้าต่าง​ ข้า​ที่อยู่​นอก​หน้าต่าง​เห็น​แล้ว​รู้สึก​ว่า​งามยิ่ง​

บางที​อาจ​อ่าน​เจอ​จาก​ใน​ตำรา​ หรือไม่​ก็​เกิด​แรงบันดาลใจ​จึงเอ่ย​ขึ้น​มา ใคร​จะรู้​เล่า​

อู๋​ฮุ่ย​กล่าว​ “วันหน้า​ให้​ข้า​ถามบิดา​ดี​ไหม​?”

อวี๋​โฉว​รีบ​ส่ายหน้า​ “อู๋​ฮุ่ย​ ควบคุม​ตัวเอง​ ต้อง​ควบคุม​ตัวเอง​นะ​ อย่า​เดือดร้อน​ให้​พวกเรา​ต้อง​โดน​เจ้าตำหนัก​อบรม​เด็ดขาด​”

สามร้อย​ปี​ที่ผ่านมา​ คน​สิบ​คน​ของ​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​มีการเปลี่ยนแปลง​น้อย​มาก​ ทุกคน​ล้วน​เป็น​คนแก่​แทบทั้งสิ้น​

ทาง​ฝั่งของ​ป๋า​ยอ​วี้​จิง คน​ที่​ติด​สามอันดับ​แรก​ ไม่มีความเห็น​ต่าง​ใดๆ​ เจ้าลัทธิ​ใหญ่​โค่ว​หมิง​ เจ้าลัทธิ​รอ​งอ​วี๋​โต้​ว​ เจ้าลัทธิ​สามลู่​เฉิน​

อันดับ​ที่สี่​คือ​เจิน​เห​ริน​ผู้เฒ่า​เจ้าประมุข​ของ​ตำ​หนักหัว​หยาง​แห่ง​ภูเขา​ตี้เฝ่ย​ เกา​กู​ผู้​มีฉายา​ว่า​ ‘จวี้​เย​ว่’​

อันดับ​ที่​ห้า​ ซุน​ไหว​จงแห่ง​อาราม​เสวียน​ตู​ อันดับ​ที่หก​ หลิน​เจียง​เซียน​แห่ง​ยา​ซาน​ คือ​ผู้ฝึก​ยุทธ​เต็มตัว​คนเดียว​ที่​ติดอันดับ​

อีก​ไม่กี่​คน​ต่อจากนั้น​ก็​คือ​คน​ใบหน้า​เก่าๆ​ ที่​แต่ละคน​ชื่อเสียง​และ​ฉายา​เหมือน​เสียง​ฟ้าผ่า​ที่​ดัง​อยู่​ข้าง​หู​

คนอื่นๆ​ ก็​เหมือน​อย่าง​อู๋ซวงเจี้ยง​แห่ง​ตำหนัก​สุ้ยฉู​ บรรพ​จารย์​หญิง​สอง​คน​ของ​ภูเขา​เหลี่ยง​จิง เจาเก​อ​ที่​มีฉายา​ว่า​ ‘ฟู่คาน​’ เนื่องจาก​พวกเขา​ต่าง​ก็​ฝึก​ตน​กัน​มานาน​เกินไป​ เคย​ขึ้น​กระดาน​ แต่​ก็​เคย​หลุด​ออกจาก​อันดับ​สิบ​คน​แห่ง​ใต้​หล้า​เช่นกัน​

ส่วน​อู๋​โจว​ วัน​เวลา​แห่ง​การ​ปิด​ด่าน​ยาวนาน​ยิ่งกว่า​ นักพรต​หญิง​ที่​เป็น​ผู้ฝึก​ตน​อิสระ​ซึ่งมีฉายา​ว่า​ ‘ไท่​อิน​’ ผู้​นี้​ เดิมที​ก็​ใกล้​จะถูก​คน​ทั้ง​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​ลืม​ไป​สิ้น​แล้ว​

เกี่ยวกับ​สิบ​คน​ของ​ใต้​หล้า​ใน​อดีต​ นอกจาก​สี่คน​แล้ว​ อันดับ​รายชื่อ​ของ​แต่ละคน​ก็​มีสูงต่ำ​ ต่าง​ก็​ทำให้​พวก​คนดู​ถกเถียง​กัน​ไม่หยุด​ปาก​ และ​สี่คน​นี้​ แน่นอน​ว่า​ต้อง​เป็น​เจ้าลัทธิ​ทั้ง​สามคน​ของ​ป๋า​ยอ​วี้​จิง บวก​กับ​นักพรต​ซุน​แห่ง​อาราม​เสวียน​ตู​

ทว่า​คราวนี้​ไม่รู้​ว่า​ใคร​ที่​ทำ​อันดับ​รายชื่อ​สิบ​อันดับ​แห่ง​ใต้​หล้า​ใหม่​ล่าสุด​นี้​ออกมา​

เปี่ยม​ไป​ด้วย​ความลี้ลับ​ ถึงขั้น​ที่ว่า​ยัง​เป็น​…จิต​สังหาร​ที่​เป็น​ดั่ง​คลื่นใต้น้ำ​!

คน​ที่อยู่​ใน​อันดับ​แรก​ของ​กระดาน​ก็​คือ​เจ้าลัทธิ​รอ​งอ​วี๋​โต้​ว​แห่ง​ป๋า​ยอ​วี้​จิง

อันดับ​ที่สอง​ เจ้าลัทธิ​สามแห่ง​ป๋า​ยอ​วี้​จิง ลู่​เฉิน​เจ้านคร​หนัน​หัว​

อันดับ​ที่สาม​ คือ​เจ้าแห่ง​ถ้ำปี้​เซียว​ที่​ตอนนี้​พื้นที่​ประกอบ​พิธีกรรม​อยู่​ใน​ดวงจันทร์​เฮ่าไฉ่ชั่วคราว​

อันดับ​ที่สี่​ คือ​ผู้ฝึก​ตน​อิสระ​ที่​สำมะโนครัว​อยู่​ที่​ยง​โจว​ คือ​อาจารย์​แห่ง​การ​หล่อหลอม​ นักพรต​หญิง​อู๋​โจว​

อันดับ​ที่​ห้า​ ซุน​ไหว​จงเจ้าอาราม​เสวียน​ตู​แห่ง​ฉีโจว​

อันดับ​ที่หก​ หลิน​เจียง​เซียน​แห่ง​ยา​ซาน​ ราชวงศ์​ชื่อ​จิน​ห​รู่​โจว​ บุคคล​อันดับ​หนึ่ง​ใน​วิถี​วร​ยุทธ​ของ​ใต้​หล้า​

อันดับ​ที่​เจ็ด​ อู๋ซวงเจี้ยง​แห่ง​ตำหนัก​สุ้ยฉู​

อันดับ​ที่​แปด​ เกา​กู​จาก​ตำ​หนักหัว​หยาง​ภูเขา​ตี้เฝ่ย​แห่ง​โย​ว​โจว​ ปรมาจารย์​ด้าน​การหลอม​โอสถ​อันดับ​หนึ่ง​ใน​ใต้​หล้า​

อันดับ​ที่​เก้า​ เหยา​ชิงเสนาบดี​รูปงาม​ของ​ราชวงศ์​ชิงเสิน​ปิง​โจว​

อันดับ​ที่​สิบ​ คือ​สอง​คน​ที่อยู่​ใน​อันดับ​เดียวกัน​ หวัง​ซุน​ นักพรต​หญิง​ฉายา​ ‘คง​ซาน​’ แห่ง​อาราม​เสวียน​ตู​ ซิน​ขู่​ ผู้ฝึก​ยุทธ​เต็มตัว​แห่ง​ยอดเขา​รุ่น​เย​ว่​

ตัวสำรอง​อีก​สิบ​คน​ที่​เหลือ​ หาก​เปรียบเทียบ​กับ​สิบ​คน​แรก​กลับ​ทำให้​พวก​ผู้ชม​ไม่รู้สึก​สนใจ​สัก​เท่าไร​

อันดับ​แรก​ รายชื่อ​สิบ​คน​ที่​ติดอันดับ​นี้​กลับ​ไม่มีโค่ว​หมิง​เจ้าลัทธิ​ใหญ่​แห่ง​ป๋า​ยอ​วี้​จิงผู้​นั้น​!

นี่​เป็นข่าว​ที่​มาก​พอ​จะสร้าง​ความ​ตะลึงพรึงเพริด​ได้​แล้ว​ บอ​กว่า​ฟ้าผ่า​ตอน​กลางวันแสกๆ​ ก็​ไม่เกิน​จริง​แม้แต่น้อย​

รอง​ลงมา​คือ​อู๋​โจว​ที่​เผย​กาย​บน​โลก​อีกครั้ง​ เท่ากับ​ว่า​ยืนยัน​ใน​ขอบเขต​ที่​สิบ​สี่ของ​นาง​ นาง​เบียด​ตำแหน่ง​ของ​เกา​กู​ ไม่ใช่เรื่อง​น่าแปลกใจ​ แต่​เหตุใด​เกา​กู​ถึงไม่ได้​ตามหลัง​นาง​มาติดๆ​ หรือว่า​ซุน​ไหว​จงแห่ง​อาราม​เสวียน​ตู​คือ​บุคคล​อันดับ​ห้า​ที่​ฟ้าผ่า​ก็​ไม่สะเทือน​คือ​กฎ​เหล็ก​ข้อ​หนึ่ง​ของ​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​จริงๆ​? หรือ​จะบอ​กว่า​…อันที่จริง​เจ้าอาราม​ซุน​ก็ได้​เลื่อน​เป็น​ขอบเขต​สิบ​สี่แล้ว​เหมือนกัน​? สาย​เซียน​กระบี่​ของ​ลัทธิ​เต๋า​แห่ง​อาราม​เสวียน​ตู​ ซุน​ไหว​จงคือ​…ผู้ฝึก​กระบี่​ขอบเขต​สิบ​สี่บริสุทธิ์​อย่างนั้น​หรือ​?!

นอกจากนี้​ ทาง​ฝั่งของ​อาราม​เสวียน​ตู​ นอกจาก​ซุน​ไหว​จงแล้ว​ ทุกวันนี้​ยังมี​ศิษย์​พี่​หญิง​หวัง​ซุน​เพิ่ม​มาอีก​คน​หนึ่ง​ และ​บุญคุณ​ความแค้น​ระหว่าง​อาราม​เสวียน​ตู​กับ​ป๋า​ยอ​วี้​จิงนั้น​ ใคร​บ้าง​ที่​ไม่รู้กัน​อยู่​ใน​ใจ? หรือว่า​…

เซี่ย​ชุน​เถียว​เตรียม​จะมอบ​ตำรา​เล่ม​นั้น​คืนให้​กับ​อู๋​ฮุ่ย​ ฝ่าย​หลัง​กลับ​ส่ายหน้า​ “พวก​เจ้าเก็บ​เอาไว้​เอง​เถอะ​”

จางหยวน​ป๋อ​นึก​เรื่อง​หนึ่ง​ขึ้น​มาได้​จึงกุม​คาง​ของ​ตัวเอง​ เอ่ย​อย่าง​สงสัย​ใคร่รู้​ว่า​ “ปี​นั้น​กุ้ยฮู​หยิน​เปลี่ยนใจ​กะทันหัน​ ไม่ได้​ติดตาม​พวกเรา​ไป​ที่​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​ เป็น​เพราะ​สัมผัส​ได้​ถึงความผิดปกติ​ของ​ทาง​ฝั่งนี้​นาน​แล้ว​ใช่หรือไม่​?”

อวี๋​โฉว​นึกถึง​กุ้ยฮู​หยิน​ที่​มีบุคลิก​สุภาพ​เรียบร้อย​ผู้​นั้น​ พอ​เอา​มาเทียบ​กับ​ความ​เย้ายวน​เปี่ยม​เสน่ห์​ของ​สตรี​บ้าน​ตน​แล้วก็​คือ​เสน่ห์​สอง​อย่าง​ที่​แตก​ต่างกัน​อย่าง​สิ้นเชิง​ ชายฉกรรจ์​หัวเราะ​หึหึ​อย่าง​อดไม่อยู่​ ผล​คือ​โดน​เซี่ย​ชุน​เถียว​ศอก​ใส่ทันที​ แรง​จน​หน้าผาก​ของ​ชายฉกรรจ์​มีเหงื่อ​เย็น​ๆ ผุด​ออกมา​

เซี่ย​ชุน​เถียว​เอ่ย​ปลงอนิจจัง​อย่าง​ไม่ทราบ​สาเหตุ​ “ยัง​ไม่อยาก​เชื่อ​เลย​ว่า​ เด็กหนุ่ม​คน​นั้น​จะสามารถ​เป็น​อิ่น​กวาน​ สามารถ​แกะสลัก​ตัวอักษร​ลง​บน​หัว​กำแพงเมือง​ได้​”

ดวงตา​ที่​ใสกระจ่าง​ของ​เด็กหนุ่ม​ที่​สะพาย​กระบี่​ใน​ปี​นั้น​ทำให้​คน​จด​จำได้​อย่าง​ลึกซึ้ง​จริงๆ​

อดีต​เด็กหนุ่ม​สะพาย​กระบี่​ อิ่น​กวาน​หนุ่ม​ใน​ภายหลัง​ คือ​ลูกค้า​เก่า​ของ​โรงเตี๊ยม​แล้ว​

สอง​ครั้ง​ที่​เดินทาง​ไป​เยือน​ภูเขา​ห้อย​หัว​ต่าง​ก็​มาเข้า​พัก​ที่​โรงเตี๊ยม​กว้าน​เชวี่ย​ซึ่งตั้งอยู่​สุด​ตรอก​ของ​ตรอก​เล็ก​ ให้การ​สนับสนุน​กัน​ดีมาก​

จางหยวน​ป๋อ​พยักหน้า​รับ​ด้วย​รอยยิ้ม​ มอง​อู๋​ฮุ่ย​แวบ​หนึ่ง​ “ข้า​รู้สึก​ว่า​ต่งฮ​ว่า​ฝู มองดู​แล้ว​ไม่เลว​”

อู๋​ฮุ่ย​ทำเป็น​ว่า​ฟังความนัย​ใน​ประโยค​นี้​ของ​อีก​ฝ่าย​ไม่ออก​

ปี​นั้น​ภูเขา​ห้อย​หัว​ได้​กลับคืน​สู่ใต้​หล้า​มืด​สลัว​ ต่งฮ​ว่า​ฝูเคย​มาเยือน​ตำหนัก​สุ้ยฉู​พร้อมกับ​เยี่ยนจั๋ว​และ​เฉิงเฉวียน​ มาเที่ยว​ชมทัศนียภาพ​ของ​ตำหนัก​สุ้ยฉู​ด้วยกัน​ ทัศนียภาพ​ที่​งดงาม​ยิ่งใหญ่​ถึงเพียงนี้​ ไม่เดิน​ดู​ก็​มาเสียเที่ยว​เปล่า​น่ะ​สิ ไม่ต้อง​ให้​เขา​จ่าย​เงิน​สัก​เหรียญ​เกล็ด​หิมะ​เสียหน่อย​ ระหว่าง​นั้น​พวกเขา​ก็ได้​เจอ​กับ​ ‘นัง​หนู​’ ที่​มีฉายา​ว่า​เติง​จู๋ผู้​นี้​ ฝึก​ตน​ประสบความสำเร็จ​ มองดู​แล้ว​อายุ​ไม่มาก​ก็​เท่านั้น​ แล้ว​ยัง​พูดจา​เหน็บแนม​พวกเขา​สอง​สามประโยค​

น่าเสียดาย​ที่​ดัน​มาเจอ​กับ​บรรพ​จารย์​

อู๋​ฮุ่ย​ด่า​ต่ง​ถ่าน​ดำ​ผู้​นั้น​ไม่ชนะ​จริงๆ​

การโต้เถียง​กลัว​ว่า​อีก​ฝ่าย​จะฟังไม่เข้าใจ​ที่สุด​ว่า​พูดถึง​เรื่อง​อะไร​

โชคดี​ที่​ทั้งสองฝ่าย​ต่าง​ก็​ไม่ได้​ลงไม้​ลงมือ​ แค่​นัด​ต่อสู้​กัน​เท่านั้น​

นาง​รังเกียจ​ที่​ขอบเขต​ของ​คนต่างถิ่น​ทั้งสอง​ไม่สูง อีก​ทั้ง​ยัง​เป็น​แขก​ของ​ตำหนัก​สุ้ยฉู​ จึงไม่ถือสา​พวกเขา​

แต่​จนถึง​ทุกวันนี้​อู๋​ฮุ่ย​ก็​ยัง​ไม่เข้าใจ​ว่า​ นั่น​เป็น​การต่อสู้​ที่​ต่งฮ​ว่า​ฝูช่วย​นัด​ไว้​แทน​เฉิน​ผิง​อัน​ ไม่ได้​เกี่ยว​อะไร​กับ​เขา​ต่งฮ​ว่า​ฝูเลย​

บน​หิน​พัก​มังกร​ อู๋ซวงเจี้ยง​มาเยือน​ที่​แห่ง​นี้​ด้วยตัวเอง​

อู๋ซวงเจี้ยง​พูดคุย​เรื่อง​การ​ฝึก​ตน​กับ​น่า​ห​ลัน​เซาเหว่​ย​ที่​มีใบ​หน้าเป็น​เด็กหนุ่ม​สอง​สามประโยค​ สุดท้าย​ก็​เหลือ​แค่​เฉิงเฉวียน​ที่​เดินเล่น​ริมน้ำ​ไปเป็นเพื่อน​เจ้าตำหนัก​

ใน​ฐานะ​ผู้​ที่​นำพา​ผู้ฝึก​กระบี่​ของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​หกสิบ​คน​ออก​เดินทางไกล​ ก่อกำเนิด​เฒ่าเฉิงเฉวียน​สะพาย​กล่อง​กระบี่​ที่​ห่อ​ด้วย​ผ้าฝ้าย​ไว้​ใบ​หนึ่ง​ บรรจุ​ตะเกียง​แห่ง​ชะตาชีวิต​ของ​น่า​ห​ลัน​เซาเหว่​ย​เอาไว้​หนึ่ง​ดวง​

เฉิงเฉวียน​ได้​อยู่​ใน​ทำเนียบ​ขุนเขา​สายน้ำ​ของ​ศาล​บรรพ​จารย์​ตำหนัก​สุ้ยฉู​ แต่กลับ​ไม่ได้รับ​ธรรม​โองการ​ ไม่เคย​ได้รับ​ทำเนียบ​เต๋า​อย่าง​เป็นทางการ​ นี่​หมายความว่า​จนถึง​ทุกวันนี้​ผู้ฝึก​กระบี่​เฒ่าก็​ยัง​ไม่ใช่เต้า​กวาน​

หิน​พัก​มังกร​ใต้​ฝ่าเท้า​ของ​ทั้งสอง​เวลานี้​ เดิมที​เคลื่อนย้าย​มาตาม​กระแสน้ำ​ จะไม่หยั่งราก​ปักหลัก​อยู่​ที่ใด​ที่หนึ่ง​เป็นเวลา​นาน​เกินไป​ แต่กลับ​ถูก​อู๋ซวงเจี้ยง​ร่าย​ตรา​ผนึก​หนา​ชั้น​ไว้​ด้วยตัวเอง​ ฝืน​บังคับ​กัก​มัน​ไว้​ที่นี่​

อันที่จริง​นอกจาก​มูลค่า​ควร​เมือง​ของ​ตัว​หิน​พัก​มังกร​เอง​แล้ว​ การกระทำ​เช่นนี้​ของ​อู๋ซวงเจี้ยง​ก็​ไม่คุ้มค่า​อย่างยิ่ง​ ถือเป็น​การค้าขาย​ที่​ขาดทุน​ครั้งหนึ่ง​ หาก​เป็น​สำนัก​หรือ​อาราม​เต๋า​แห่ง​อื่น​ บางที​อาจจะ​ขุดเจาะ​คู​คลอง​โอบล้อม​ไว้​เส้น​หนึ่ง​ ให้​หิน​พัก​มังกร​ที่​ไหล​ไป​ตาม​สายน้ำ​เพิ่มพูน​โชคชะตา​น้ำ​ให้​อย่าง​ต่อเนื่อง​ นี่​ก็​จะเป็น​ผลประโยชน์​ก้อน​หนึ่ง​ที่​ต้นกำเนิด​น้ำ​ไหล​ยาว​ได้​แล้ว​ เพียงแต่ว่า​รากฐาน​ของ​ตำหนัก​สุ้ยฉู​ลึกล้ำ​ การกระทำ​ที่​เป็นการ​ย่ำยี​ทรัพยากร​สวรรค์​ของ​อู๋ซวงเจี้ยง​มีถมเถไป​ เพิ่ม​เรื่อง​นี้​มาอีก​เรื่อง​ก็​ไม่เห็นจะ​เป็นไร​

ใน​ประวัติศาสตร์​ หิน​พัก​มังกร​มีทั้งหมด​สี่แห่ง​ แห่ง​หนึ่ง​ถูก​ทำลาย​ลง​อย่าง​สิ้นเชิง​ท่ามกลาง​สงคราม​ของ​ศึก​น้ำ​และ​ไฟ อีก​แห่ง​หนึ่ง​ถูก​เซียน​เห​ริน​บรรพกาล​คน​หนึ่ง​หลอม​เป็น​วัตถุ​แห่ง​ชะตาชีวิต​ นอกจากนี้​ก็​คือ​หิน​ยักษ์​ที่อยู่​กลาง​ทะเล​ซึ่งถูก​ตั้นตั้นฮู​หยิน​แห่ง​หลุม​น้ำ​ลู่​มอง​เป็น​ของรักของหวง​ของ​ตัวเอง​แล้ว​ สุดท้าย​ก็​คือ​พื้นที่​ประกอบ​พิธีกรรม​ของ​ตำหนัก​สุ้ยฉู​แห่ง​นี้​

เรื่อง​เล่าลือ​ก็​เป็นได้​แค่​เรื่อง​เล่าลือ​เท่านั้น​

——

กระบี่จงมา

กระบี่จงมา

Score 10
Status: Completed

อ่านนิยาย กระบี่จงมา 1 – 400 อ่านนิยาย

( อ่านต่อข้างล่าง )


” หนึ่งโลกธาตุขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยความลี้ลับมหัศจรรย์  ใจกลางฟ้าดิน เคยมีปัญญาชนผู้หนึ่งใช้หนึ่งกระบี่ฟาดฟันให้เกิดน้ำตกธารสวรรค์ คือความภาคภูมิใจสูงสุดของโลกมนุษย์  หน้าผาทะเลบูรพา มีนักพรตไร้นามผู้หนึ่งที่ไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งใด หวังเพียงให้ลมเย็นโชยมาปะทะใบหน้า  แดนสุขาวดีปัจฉิมทิศ มีหลวงจีนเฒ่าที่ชอบเล่าเรื่องราวให้ผู้คนฟัง เลี้ยงมังกรสวรรค์ไว้เก้าตัว พื้นที่กันดารแดนใต้ มีจิตรกรตาบอดควบคุมหุ่นเชิดเกราะทองสูงเท่าเนินเขาให้เคลื่อนย้ายภูเขาใหญ่หนึ่งแสนลูก ปูแผ่เป็นภาพลายปัก
เมื่อวันหนึ่งเด็กหนุ่มยากจนที่เติบโตทางทิศเหนือได้พบกับเซียนที่เหนือศีรษะมีกระบี่บินนับพันนับหมื่นประดุจฝูงตั๊กแตน “

เขาจึงอยากจะไปเห็นปัญญาชนคนนั้น เห็นคลื่นยักษ์ที่โถมตัวเทียมฟ้าของทะเลบูรพา

เห็นทะเลทรายสีเหลืองทองกว้างไกลนับหมื่นลี้ของแดนประจิม

และอยากไปเห็นภูเขาลูกโอฬารของแดนกันดารทางใต้ที่นักเล่านิทานเอ่ยถึงกับตาตัวเอง

ดังนั้น ในที่สุดวันหนึ่ง เด็กหนุ่มจึงสะพายกระบี่ไม้พาดหลัง มุ่งหน้าไปทางทิศใต้

–ข้ามีนามว่าเฉินผิงอัน ผิงอันที่แปลว่าสงบสุข สันติ ข้าคือมือกระบี่คนหนึ่ง–

Options

not work with dark mode
Reset