กระบี่จงมา 868.4 กระบี่สังหารบินทะยานขั้นสูงสุด

ตอนที่ 868.4 กระบี่สังหารบินทะยานขั้นสูงสุด

หยวน​ซงไม่เปิดโอกาส​ให้​เฉิน​ผิง​อัน​ได้​หยุด​หายใจ​ นอกจาก​จะถือ​กระบี่​ขยับ​เข้ามา​เข่นฆ่า​ประชิดตัว​แล้วก็​ยัง​ร่าย​เวท​กระบี่​บรรพกาล​ไม่ต่ำกว่า​สามสิบ​ชนิด​แล้ว​

ส่วน​เฉิน​ผิง​อัน​กลับ​ได้​แต่​ส่งกระบี่​ออก​ไป​สิบ​เก้า​ครั้ง​เท่านั้น​

ทว่า​ความเร็ว​ใน​การ​ปล่อย​กระบี่​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​กลับ​ยิ่ง​เพิ่มมากขึ้น​เรื่อยๆ​ ราวกับว่า​กระบี่​หลัง​ได้​ถูก​กระบี่​ก่อนหน้านี้​ชักนำ​ไป​ ประหนึ่ง​ลมปราณ​แท้จริง​เฮือก​หนึ่ง​ของ​ผู้ฝึก​ยุทธ​เต็มตัว​ที่​ทอด​ยาว​ไม่ขาดสาย​

กระทั่ง​ปล่อย​กระบี่​ออก​ไป​ยี่สิบ​ครั้ง​จึงกลาย​มาเป็น​คราว​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​ที่​ยึดครอง​ความได้เปรียบ​ การ​เดิน​ขึ้น​เขา​ครั้งนี้​ เรือน​กาย​เพิ่งจะ​พลิ้ว​ลง​ที่​หน้า​ประตู​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​ เฉิน​ผิง​อัน​ก็​ปล่อย​กระบี่​ออก​ไป​ไม่หยุด​ตลอดทาง​ ยิ่ง​นาน​ยิ่ง​เร็ว​จนกระทั่ง​หลาย​กระบี่​ทับซ้อน​เป็นหนึ่ง​กระบี่​ แสงกระบี่​รวมกัน​เป็น​เส้น​เดียว​ เป็นเหตุให้​หยวน​ซงได้​แต่​ตั้ง​รับ​มิอาจ​ตอบโต้​คืน​ได้​ชั่วขณะ​

หลัง​สามสิบ​หก​กระบี่​ผ่าน​ไป​ เฉิน​ผิง​อัน​ไม่เพียงแต่​ไม่ปล่อย​กระบี่​ต่อ​ กลับ​กลายเป็น​ถอยร่น​ออกจาก​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​ใน​ชั่วพริบตา​ เปลี่ยน​มาเป็น​มือซ้าย​ที่​ถือ​กระบี่​

หยวน​ซงลุกขึ้น​ยืน​ท่ามกลาง​แอ่ง​เลือด​ รวบรวม​เนื้อหนังมังสา​และ​จิตวิญญาณ​มาปะติดปะต่อ​กัน​

ไม่รู้​ว่า​ตั้งแต่​เมื่อไหร่​ เฉิน​ผิง​อัน​ถึงเปลี่ยน​มาถือ​เย่​โหย​ว​ไว้​นาน​แล้ว​

มือ​ข้าง​หนึ่ง​กำ​เป็น​หมัด​ ห้า​นิ้ว​งอ​ลง​สัมผัส​ฝ่ามือ​ จากนั้น​จึงใช้เส้นลายมือ​เป็น​ยันต์​ขุนเขา​สายน้ำ​ ขณะเดียวกัน​ก็​โคจร​วัตถุ​แห่ง​ชะตาชีวิต​ห้า​ธาตุ​ เป่า​ลม​กลายเป็น​พายุ​สายฟ้า​

เท้า​ข้าง​หนึ่ง​กระทืบ​ลง​บน​พื้น​หนัก​ๆ พื้นดิน​ใน​รัศมี​ร้อย​ลี้​ใต้​ฝ่าเท้า​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​พลัน​เปลี่ยน​มาเป็น​ผิว​กระจก​สีทอง​ผืน​หนึ่ง​ ยังคง​เป็น​เคล็ด​สายฟ้า​ที่​เป็น​วิชา​ลับ​ไม่แพร่งพราย​ของ​ภูเขา​มังกร​พยัคฆ์​

คือ​สุดยอด​แห่ง​เวท​สายฟ้า​ เป็น​การนำ​เวท​อสนี​ ยันต์​และ​ค่าย​กล​ทั้ง​สามสิ่งนี้​มาทับซ้อน​กัน​ เรียก​ว่า​เคล็ด​สายฟ้า​ นอก​ภูเขา​มังกร​พยัคฆ์​ก็​มีคำ​กล่าวว่า​เกา​เจิน​ลัทธิ​เต๋า​ได้​ครอบครอง​เคล็ด​สายฟ้า​เช่นกัน​ เชิญเทพ​ให้​ลงมา​จุติ​ โยกย้าย​กองกำลัง​ทัพ​ ออกคำสั่ง​แก่​มัลละ​บน​สวรรค์​

สายลม​พัด​กระโชก​ไอ​หมอ​กลอย​อวล​ ฟาด​แส้โบย​มังกร​ก่อเกิด​สายฟ้า​ กระชาก​ดึง​มหา​บรรพต​ ขับไล่​ลง​สู่มหาสมุทร​ สามารถ​มอง​เป็นการ​โคจร​น้ำ​ใหญ่​ขึ้นฝั่ง​ได้​เช่นเดียวกัน​ แต่​เมื่อ​เทียบ​กับ​เวท​อสนี​ดั้งเดิม​ที่​สืบทอด​กัน​มาจาก​เทียน​ซือ​แต่ละ​ยุค​แต่ละ​สมัย​ ถูก​ขนานนาม​ให้​เป็น​บรรพบุรุษ​แห่ง​หมื่น​คาถา​แล้ว​ กลับ​ด้อย​กว่า​มาก​ เล่าลือ​กัน​ว่า​เคล็ด​สายฟ้า​ที่​แท้จริง​ได้​ครอบครอง​คาถา​รวม​ของ​ฝ่าย​ต่างๆ​ ในกรม​สายฟ้า​บรรพกาล​ เวท​คาถา​สุดยอด​ถึงแก่นแท้​ ควบคุม​หยิน​หยาง​ ความรุ่งโรจน์​และ​โรยรา​ของ​หมื่น​สรรพสิ่ง​ การ​เกิด​ดับ​ของ​สี่ฤดูกาล​ ฟ้าดิน​อยู่​ใน​มือ​ หมื่น​สรรพสิ่ง​จำแลง​อยู่​บน​ร่าง​

ยิ่ง​นาน​ก็​ยิ่ง​ร่าย​เวท​อสนี​อย่าง​คุ้นชิน​มากขึ้น​

ลู่​เฉิน​อดไม่ไหว​ยิ้ม​ถาม “ตัว​เจ้าที่อยู่​ใน​แจกัน​สมบัติ​ทวีป​ไป​เยือน​ซาก​ปรัก​สนามรบ​มังกร​เฒ่ามาแล้ว​หรือ​?”

เฉิน​ผิง​อัน​พยักหน้า​ “ฉวยโอกาส​ที่​ขอบเขต​สูงเดิน​ทางได้​เร็ว​ เร่ง​เดิน​ทางลง​ใต้​ ไป​เยือน​สถานที่​ต่างๆ​ มาไม่น้อย​ หวนกลับ​ไป​ยัง​สถานที่​ที่​เคย​ไป​ พบ​เจอ​กับ​สหาย​เก่า​บางคน​”

หาก​คน​อย่าง​เฉิน​ผิง​อัน​สามารถ​เลื่อน​เป็น​ขอบเขต​สิบ​สี่ได้​อย่าง​แท้จริง​

ขอบเขต​ของ​เขา​จะต้อง​แน่นหนา​มั่นคง​ผิดปกติ​

หลังจากนั้น​ก็​คือ​ศึก​แห่ง​การชัก​เลื่อย​ที่​น่าเบื่อ​ไร้รสชาติ​ครั้งหนึ่ง​ อันที่จริง​หยวน​ซงยังคง​มีเวท​คาถา​ให้​ใช้ไม่หมดสิ้น​ ราวกับว่า​เขา​ต้องการ​จะโอ้อวด​ความรู้​ทุกอย่าง​ที่​เรียน​มาใน​ชีวิต​ท่ามกลาง​การ​ถามกระบี่​ครั้งนี้​ให้​หมด​รวดเดียว​

เพียงแต่ว่า​ทาง​ฝั่งของ​เฉิน​ผิง​อัน​แค่​เปลี่ยนมือ​ที่​ถือ​กระบี่​เท่านั้น​ เปลี่ยน​จาก​การ​ปล่อย​กระบี่​ติดกัน​สามสิบ​หก​ครั้ง​ เพิ่มจำนวน​ไต่​สูงขึ้น​เรื่อยๆ​ จน​เกือบ​ถึงห้าสิบ​ครั้ง​

นอกจากนี้​อย่าง​มาก​สุด​ก็​แค่​ใช้ฟ้าดิน​เล็ก​ของ​เคล็ด​สายฟ้า​มาสร้าง​ความมั่นคง​ให้​กับ​เรือน​กาย​และ​จิต​แห่ง​มรรคา​ของ​ตัวเอง​

บ้าง​ก็​เรียก​จันทร์​ใน​บ่อ​ออกมา​ ประหนึ่ง​สายฝน​ที่​ตกลง​บน​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​

สนามรบ​ได้​ขยับ​ไป​ที่​ตีนเขา​ของ​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​อีกครั้ง​แล้ว​

หยวน​ซงยืน​ถือ​กระบี่​ หันหลัง​ให้​กับ​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​

อยู่​ห่าง​จาก​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​ไป​ร้อย​ลี้​ เฉิน​ผิง​อัน​ถือ​เย่​โหย​ว​

เฉิน​ผิง​อัน​พลัน​เงยหน้า​มอง​ม่าน​ฟ้าที่อยู่​นอก​ใต้​หล้า​สอง​แห่ง​

ดวงจันทร์​ดวง​หนึ่ง​เหมือน​จะถูก​กระชาก​ออก​เดินทางไกล​ไป​แล้ว​

ดูเหมือนว่า​จะมีเรือน​กาย​หนึ่ง​ถูก​ซัด​ร่วง​กลับ​ลงมา​ยัง​โลก​มนุษย์​ แต่​นาง​หยุดยั้ง​เรือน​กาย​ที่​กำลัง​ร่วง​ลงมา​ไว้​ได้​อย่าง​ว่องไว​ พก​กระบี่​หวนกลับ​ดวงจันทร์​ไป​อีกครั้ง​ ทาง​ที่​ย้อนกลับ​ไม่คลาดเคลื่อน​ไป​จาก​เส้นทาง​เดิม​เลย​แม้แต่น้อย​

เพียง​ชั่วพริบตา​นั้น​ เฉิน​ผิง​อัน​ก็​เหมือน​กลาย​ไป​เป็น​คนละ​คน​

ภูเขา​ลูก​หนึ่ง​ถูก​หยวน​ซงใช้เวท​กระบี่​ออกคำสั่ง​ดึง​ขึ้น​มาพร้อม​ราก​แล้ว​กระแทก​ใส่เฉิน​ผิง​อัน​ใน​แนว​ขวาง​

แต่​คราวนี้​เฉิน​ผิง​อัน​กลับ​ไม่สะทกสะท้าน​ เพียงแค่​ขยับ​เท้า​ก้าวเดิน​ไป​เบื้องหน้า​อย่าง​ไม่รีบร้อน​ ภูเขา​ที่​ขยับ​มาอยู่​ใกล้​ใน​ระยะ​ประชิด​กลับ​ปริ​แตก​ออก​ด้วยตัวเอง​

แสงกระบี่​โค้ง​งอ​เส้น​หนึ่ง​ก็​หยุด​อยู่​ห่าง​ไป​หลาย​จั้งเช่นเดียวกัน​ สะเก็ด​ไฟแตก​กระจาย​ ฝน​ไฟลาม​ไป​ทั่ว​ทุกหน​แห่ง​ รอบด้าน​จึงกลายเป็น​พื้นดิน​ไหม้​เกรียม​

หลังจากนั้น​แทบ​ทุกๆ​ หลาย​ก้าว​ที่​เฉิน​ผิง​อัน​ขยับ​เข้าใกล้​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​ก็​จะมีเวท​กระบี่​หรือไม่​ก็​คาถาอาคม​บท​หนึ่ง​ที่​แตก​กระจาย​ออก​ใน​บริเวณ​ใกล้เคียง​

อยู่​ใน​สถานะ​ของ​ผู้​มิพ่าย​ เบื้องหน้า​ไร้​ผู้คน​ ไร้​ศัตรู​ทัดเทียม​อยู่​ตลอดเวลา​

กับ​ปีศาจ​ใหญ่​หยวน​ซงของ​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​ เป็น​ทั้ง​การ​ถามกระบี่​ ถามมรรคา​ และ​ถามใจ

ไย​ต้อง​ฝึก​ตน​?

การ​เดิน​บน​มหา​มรรคา​ พก​กระบี่​เดิน​ตรง​ไป​ ไม่จำเป็นต้อง​อ้อม​เส้นทาง​

ชุด​สีเขียว​ค่อยๆ​ เปลี่ยนไป​เป็น​ชุด​คลุม​อาคม​สีแดงสด​

แม้แต่​มรรค​กถา​ขอบเขต​สิบ​สี่ก็​ยัง​ไม่อาจ​ขัดขวาง​การเปลี่ยนแปลง​ประเภท​นี้​ได้​

ราวกับว่า​อิ่น​กวาน​หนุ่ม​ได้​กลับคืน​ไป​ยัง​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ครึ่งหนึ่ง​นั้น​ ใบหน้า​พร่า​เลือน​ เรือน​กาย​ล่องลอย​ไม่หยุดนิ่ง​

ทั้ง​ใบหน้า​และ​เรือน​กาย​ประกอบ​จาก​เส้นด้าย​นับ​พัน​นับ​หมื่น​ที่​ตัด​สลับ​ถัก​ทอ​กัน​

ส่วน​เส้นด้าย​แห่ง​ผลกรรม​สีทอง​ที่​แผ่ขยาย​ออก​ไป​ก็​คล้าย​กับ​สีสัน​การหล่อ​ทอง​ชั้นหนึ่ง​บน​เทวรูป​

ปีศาจ​ใหญ่​หยวน​ซงเงื้อ​กระบี่​ฟัน​ใส่อิ่น​กวาน​หนุ่ม​ที่​เริ่ม​เดิน​ขึ้น​เขา​

ผล​คือ​บุคคล​ประหลาด​ที่​ยิ่ง​เดิน​ก็​ยิ่ง​ขยับ​เข้าใกล้​เพียง​ยกมือ​ข้าง​หนึ่ง​ขึ้น​มาก็​ทำให้​กระบี่​ยาว​ของ​หยวน​ซงหยุด​ลอย​นิ่ง​ เพราะ​พละกำลัง​ที่​พุ่ง​มาดุดัน​เกินไป​ เป็นเหตุให้​ข้อมือ​ข้าง​ที่​ถือ​กระบี่​ของ​หยวน​ซงขาด​คาที่​ ค้าง​อยู่​ใน​ท่า​เงื้อ​ฟัน​ ส่วน​ร่าง​ของ​หยวน​ซงก็​ยิ่ง​เซถลา​ไป​เบื้องหน้า​

เฉิน​ผิง​อัน​ปล่อย​กระบี่​หนึ่ง​ออก​ไป​

เป็น​กระบี่​ที่​เรียบง่าย​ยิ่ง​ กระบี่​ฟัน​บิน​ทะยาน​

ลู่​เฉิน​เบิกตา​กว้าง​จน​ดวงตา​กลมดิก​ อึ้ง​งัน​ดั่ง​ไก่​ไม้อย่าง​แท้จริง​ ใบหน้า​เต็มไปด้วย​ความ​เหลือเชื่อ​

เห็น​เพียง​ว่า​เฉิน​ผิง​อัน​อีก​คน​หนึ่ง​ที่​มีดวงตา​สีทอง​ยืน​อยู่​บน​ยอดเขา​ อยู่​ด้านหลัง​หยวน​ซง

ใน​มือถือ​กระบี่​ยา​วสี​ทอง​ ปาด​ไป​บน​ลำคอ​ของ​หยวน​ซงเบา​ๆ

หลังจาก​กระบี่​ยาว​เล่ม​นั้น​ปาด​ไป​ใน​แนว​ขวาง​ ค่าย​กล​ใหญ่​แม่น้ำ​แห่ง​กาลเวลา​อะไร​ ผสาน​มรรคา​กับ​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​อะไร​ ล้วน​เป็น​มรรค​กถา​ลวงตา​ไร้ประโยชน์​ทั้งสิ้น​

ปาด​คอ​บั่น​หัว​

ศีรษะ​ถูก​จิก​ถือ​ไว้​ใน​มือ​

มือหนึ่ง​ถือ​กระบี่​ อีก​มือหนึ่ง​หิ้ว​ศีรษะ​

ลู่​เฉิน​เบิกตา​กว้าง​ ถามว่า​ “ใช่เจ้าไหม​?”

คน​ผู้​นั้น​ยิ้ม​บาง​ๆ ตอบ​ว่า​ “เป็น​ข้า​เอง​”

เฉิน​ผิง​อัน​สอด​กระบี่​ยาว​เย่​โหย​ว​ใส่ฝัก​ เปิดปาก​พูด​ด้วย​น้ำ​เสียงแหบ​พร่า​ “แน่นอน​ว่า​ต้อง​เป็น​ข้า​”

ลู่​เฉิน​อึ้ง​ค้าง​อยู่​นาน​ ทั้ง​มอง​เฉิน​ผิง​อัน​ที่​เผย​กาย​ด้วย​ความ​เป็น​เทพ​บริสุทธิ์​ ทั้ง​มอง​เฉิน​ผิง​อัน​ที่​เป็น​ฝ่าย​ถอน​ความ​เป็น​เทพ​ออก​ไป​ สุดท้าย​ลู่​เฉิน​ก็​ถอนหายใจ​ยาวเหยียด​ ทิ้งตัว​นอนหงาย​ไป​ด้านหลัง​ แกล้ง​ตาย​ก็แล้วกัน​

ส่วน​เฉิน​ผิง​อัน​ก็​ผสาน​ร่าง​จาก​สอง​กลาย​เป็นหนึ่ง​

ฝ่าย​ปีศาจ​ใหญ่​หยวน​ซงที่​เป็น​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ขั้นสูงสุด​ สอง​จิต​ฟ้าดิน​ต่าง​ก็​ถูก​กระบี่​ปั่น​คว้าน​จน​เละ​ จิต​มนุษย์​นำพา​เจ็ด​วิญญาณ​ไป​ เริ่ม​แหลก​สลาย​กลายเป็น​ผุยผง​ ตบะ​หมื่น​ปี​ ขอบเขต​ของ​ทั้ง​ร่าง​ล้วน​ดับสูญ​ไป​นับแต่​นี้​

ภูเขา​ทัว​เย​ว่​ทั้ง​ลูก​ที่อยู่​ใต้​ฝ่าเท้า​เริ่ม​กลายเป็น​สีขาว​ซีดเซียว​

ดวงจิต​ของ​หยวน​ซงประดับ​ประคอง​สติ​เสี้ยว​สุดท้าย​เอาไว้​ จึงหลงเหลือ​เพียง​ร่าง​ของ​บุรุษ​ชุด​เหลือง​ที่​เป็น​ภาพมายา​ ยืน​อยู่​ด้าน​ข้าง​ ไม่มีความ​เจ็บแค้น​ไม่ยินยอม​อะไร​ กลับ​กลายเป็น​ว่า​โล่งใจ​เหมือน​ได้​ยกภูเขาออกจากอก​

ลูกศิษย์​คน​แรก​ของ​บรรพบุรุษ​ใหญ่​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​ที่​มีนาม​จริง​ว่า​หยวน​จี๋ การ​ฝึก​ตน​ใน​ชีวิต​นี้​ไม่เคย​มีความไม่พอใจ​หรือ​ความเสียใจ​ใดๆ​ เขา​พยายาม​สุดความสามารถ​ที่​มีแล้ว​ แต่​ก็​ยัง​รักษา​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​เอาไว้​ไม่ได้​ แม้จะรู้สึก​เสียดาย​ แต่​ถามใจตัวเอง​แล้ว​กลับ​ไม่ละอาย​ ไม่ต้อง​กัก​พื้นที่​เป็น​กรงขัง​ตัวเอง​อีก​ ไย​จะไม่ใช่การหลุดพ้น​อย่างหนึ่ง​เล่า​

หยวน​ซงยิ้ม​กล่าว​ “เฉิน​ผิง​อัน​ หัว​นี้​เชิญเจ้าเอา​ไป​ที่​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ได้​ตามสบาย​ ใช้มัน​ป่าวประกาศ​ไป​ยัง​หลาย​ใต้​หล้า​”

เฉิน​ผิง​อัน​ส่ายหน้า​ วาง​ศีรษะ​ของ​ปีศาจ​ใหญ่​หยวน​ซงไว้​บน​ยอดเขา​ของ​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​เบา​ๆ

เลือก​ที่จะ​ทิ้ง​มัน​ไว้​ที่นี่​

หาก​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ขั้นสูงสุด​ตน​นี้​ไม่ได้​ปิดฉาก​ลง​ด้วย​สถานะ​ของ​ผู้ฝึก​กระบี่​เต็มตัว​

ถ้าอย่างนั้น​อย่า​ว่าแต่​ศีรษะ​ที่​ดีเยี่ยม​เลย​ แม้แต่​โอสถ​ปีศาจ​ข้า​ก็​จะยัง​ถลก​ดึง​ออกมา​ด้วย​

ภูเขา​ทัว​เย​ว่​แห่ง​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​เริ่ม​เกิด​ลาง​ของ​การแตกแยก​พังทลาย​

หยวน​ซงหันหน้า​ไป​มอง​เฉิน​ผิง​อัน​ คล้าย​จะรู้สึก​ประหลาดใจ​มาก​กับ​การ​เลือก​ของ​อิ่น​กวาน​หนุ่ม​ เพียงแต่​ไม่นาน​ก็​หมดสิ้น​ความรู้สึก​ประหลาดใจ​อีก​

สุดท้าย​หยวน​ซงนั่งขัดสมาธิ​ ตบ​ศีรษะ​ของ​ตัวเอง​เบา​ๆ ทอดสายตา​มอง​ไป​ยัง​ทิศ​ไกล​ ยิ้ม​บาง​ๆ เอ่ย​ว่า​ “เฉิน​ผิง​อัน​ เจ้าชนะ​อย่าง​ไม่สมศักดิ์ศรี​ไป​หน่อย​หรือไม่​?”

อาศัย​ขอบเขต​สิบ​สี่ที่​ได้มา​เปล่าๆ​ แล้ว​ยังมี​กระบี่​ยาว​ที่​พลัง​พิฆาต​เหนือ​นอก​ฟ้า รวมไปถึง​บุคคล​ที่​มีความ​เป็น​เทพ​บริสุทธิ์​

ชุด​คลุม​อาคม​สีแดงสด​สะบัด​ส่าย​ไป​ตาม​สาย​ลมบน​ยอดเขา​ดัง​พึ่บพั่บ​

ทว่า​ใบหน้า​และ​เรือน​กาย​กลับ​เริ่ม​กลับคืน​มาเป็นปกติ​

เฉิน​ผิง​อัน​กล่าวว่า​ “หาก​ข้า​อายุ​เท่า​เจ้า การ​ถามกระบี่​ใน​วันนี้​ เจ้าคง​มองไม่เห็น​ตัว​ข้า​ด้วยซ้ำ​”

หยวน​ซงหัวเราะ​ฮ่าๆ เสียงดัง​

หลังจากนั้น​ทั้งสองฝ่าย​ก็​ไม่พูดคุย​อะไร​กัน​อีก​

บุรุษ​ชุด​เหลือง​มอง​ใต้​หล้า​อันเป็น​บ้านเกิด​เป็น​ครั้งสุดท้าย​

เขา​ยก​มือขึ้น​ช้าๆ ยก​นิ้วโป้ง​ให้​กับ​ผู้ฝึก​กระบี่​เผ่า​มนุษย์​อายุ​น้อย​ๆ ที่อยู่​ข้าง​กาย​

เฉิน​ผิง​อัน​เงยหน้า​มอง​ดวงจันทร์​บน​ฟ้า

เนิ่นนาน​ก็​ยัง​ไม่ถอน​สายตา​กลับคืน​

เคย​กังวล​ว่า​นาง​มิอาจ​เลื่อนขั้น​เป็น​ขอบเขต​สิบห้า​ได้​เสียที​ อยู่​ใน​ใต้​หล้า​ใหม่เอี่ยม​จะต้อง​เจอ​กับ​อันตราย​ ทั้ง​กังวล​ว่า​หลังจาก​นาง​กลายเป็น​ขอบเขต​หยก​ดิบ​ บน​บ่า​ต้อง​แบกภาระ​ที่​หนักอึ้ง​ยิ่งกว่า​เดิม​ แต่​เขา​กลับ​ไม่ได้​อยู่​ข้าง​กาย​

กังวล​ว่า​นาง​จะไม่อาจ​กลายเป็น​บุคคล​อันดับ​หนึ่ง​ของ​ใต้​หล้า​ ทั้ง​กังวล​ว่า​นาง​จะกลายเป็น​บุคคล​อันดับ​หนึ่ง​ของ​ใต้​หล้า​

คาด​ว่า​นี่​ก็​คง​เป็น​ความชอบ​กระมัง​

ทำให้​คน​คน​หนึ่ง​ไม่เหมือน​ตัวเอง​ สามารถ​ทำให้​คน​ที่​มองโลกในแง่ดี​กลายเป็น​มองโลกในแง่ร้าย​ แล้วก็​ทำให้​คน​ที่​มองโลกในแง่ร้าย​กลายเป็น​คน​มองโลกในแง่ดี​ สามารถ​มองเห็น​ความหวัง​ท่ามกลาง​ความสิ้นหวัง​ มีความกล้า​พอที่จะ​วาด​ฝัน​ถึงอนาคต​

สามารถ​ทำให้​เด็กหนุ่ม​ตรอก​เก่า​โทรม​ที่​ยากจน​ข้นแค้น​พลัน​รู้สึก​ว่า​ตัวเอง​ก็​คือ​คน​ที่​มีเงิน​มาก​ที่สุด​ใน​ใต้​หล้า​

สามารถ​ทำให้​เด็กหนุ่ม​รองเท้าแตะ​ที่​แม้แต่​ตัวอักษร​สัก​ตัว​ก็​เขียน​ไม่เป็น​เดิน​ทางข้าม​ภูเขา​และ​มหาสมุทร​ ฝึก​หมัด​เงียบๆ​ หนึ่ง​ล้าน​ครั้ง​ แล้ว​ยัง​ต้อง​คอย​พร่ำ​บอก​กับ​ตัวเอง​ด้วยว่า​ต้อง​กลายเป็น​เซียน​กระบี่​ใหญ่​ให้ได้​

ลู่​เฉิน​กล่าว​ “วางใจ​เถอะ​ ไม่ได้​เป็นปัญหา​มาก​นัก​ ต่อให้​ลาก​ดวงจันทร์​ไม่สำเร็จ​ แต่​ไม่ว่า​ใคร​ก็​ไม่ถือว่า​มาเสียเที่ยว​”

จากนั้น​ก็​คือ​ทั้งสองฝ่าย​ที่​พา​กัน​เงียบงัน​

มีเพียง​ลม​ภูเขา​ที่​พัดผ่าน​มา เหมือน​เสียง​ครวญ​สะอื้น​ดัง​เป็น​ระลอก​

แต่ละ​สถานที่​ใน​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ หลังจากที่​ป๋า​ย​เจ๋อ​ออกคำสั่ง​ให้​ผู้​จำศีล​ตื่นขึ้น​มา

ใจกลาง​ของ​เปลี่ยว​ร้าง​ ดินแดน​แห่ง​น้ำแข็ง​พัน​ลี้​ที่​มีน้ำแข็ง​เกาะ​ตัว​มานาน​หมื่น​ปี​ น้ำแข็ง​พลัน​เกิด​การ​หลอมละลาย​ ทันใดนั้น​สตรี​เรือน​กาย​บอบบาง​อ่อนช้อย​คล้าย​เส้น​ผม​เส้น​หนึ่ง​ก็​เผย​กาย​ ร่าง​จริง​ของ​นาง​คล้าย​จะเป็น​ที่ราบ​น้ำแข็ง​ทั้ง​ผืน​นั้น​

นาง​ยืด​แขน​บิดขี้เกียจ​ ยก​ฝ่ามือขึ้น​ปิดปาก​ที่​อ้า​หาว​ จากนั้น​ก็​ขยับ​จมูก​สูดดม​ เดิน​ก้าว​หนึ่ง​ก็​ข้าม​พื้นที่​หลาย​พัน​ลี้​ มาหยุด​อยู่​ที่​นคร​โอ่อ่า​โอฬาร​แห่ง​หนึ่ง​ นาง​เม้มปาก​ เลือด​สด​ของ​สิ่งมีชีวิต​ทั้งหมด​ใน​นคร​พลัน​รวมตัวกัน​กลายเป็น​ลำคลอง​เลือด​สาย​ยาว​ที่​ถูก​นาง​ดื่ม​เกลี้ยง​เหมือน​ดื่ม​สุรา​ เผ่า​ปีศาจ​ห้า​ขอบเขต​บน​คน​หนึ่ง​และ​ผู้ฝึก​ตน​เซียน​ดิน​อีก​หลาย​คน​พยายาม​ที่จะ​ใช้วิชา​แห่ง​ชะตาชีวิต​หลบหนี​ไป​จาก​นรก​ขุม​นี้​ แต่​นาง​ดีดนิ้ว​แค่​ไม่กี่​ที​ก็​สลาย​พลัง​แห่ง​ชีวิต​ของ​พวกเขา​ ก่อให้เกิด​บุปผา​เลือด​เบ่งบาน​อยู่​กลางอากาศ​หลาย​ดอก​

สำนัก​แห่ง​หนึ่ง​ที่​มีประวัติศาสตร์​ยาวนาน​ ทุกวันนี้​พอ​จะถือว่า​รักษา​อักษร​จงไว้​ได้​อย่าง​ถูไถ ใน​ศาล​บรรพ​จารย์​แขวน​ภาพ​หนึ่ง​เอาไว้​ ไม่ใช่ภาพเหมือน​ของ​ผู้ฝึก​ตน​ที่​เป็น​บรรพบุรุษ​แต่ละ​รุ่น​ แต่​เป็น​ภาพ​ขุนเขา​สายน้ำ​เก่าแก่​ภาพ​หนึ่ง​ วาด​เป็น​ภาพ​การเข่นฆ่า​อัน​ดุเดือด​โหดร้าย​ของ​สนามรบ​บรรพกาล​แห่ง​หนึ่ง​

ร่าง​จริง​ของ​ปีศาจ​ใหญ่​ตน​หนึ่ง​ที่​โชก​ไป​ด้วย​เลือด​ ใต้​ฝ่าเท้า​ของ​มัน​คือ​โครงกระดูก​ของ​ทวยเทพ​ร่าง​ทอง​ที่​กลาดเกลื่อน​แถบ​ใหญ่​

แต่​แล้ว​ภาพเหมือน​ก็​เริ่ม​สั่นสะเทือน​อย่าง​รุนแรง​ ปราก​ฎการณ์​ประหลาด​ที่​บรรพบุรุษ​ผู้บุกเบิก​ภูเขา​สำแดง​อิทธิฤทธิ์​ประเภท​นี้​เป็นเหตุให้​คน​ทั้ง​บน​และ​ล่าง​สำนัก​ตื่นเต้น​ซาบซึ้งใจ​อย่าง​ถึงที่สุด​ ผู้ฝึก​ตน​เฒ่าที่​มีคุณสมบัติ​ให้​มาจุด​ธูป​ใน​ศาล​บรรพ​จารย์​กับ​ผู้ฝึก​ตน​รุ่นเยาว์​ต่าง​ก็​นั่งคุกเข่า​อยู่​ใน​และ​นอก​ศาล​บรรพ​จารย์​ พา​กัน​โขก​หัว​คำนับ​อย่าง​บ้าคลั่ง​ โครงกระดูก​เผ่า​ปีศาจ​โครง​หนึ่ง​ใน​ภาพวาด​ที่​ไม่สะดุดตา​พลัน​กระโดด​ขึ้น​มา สีหน้า​แข็งทื่อ​ กวาดตา​มอง​ไป​รอบด้าน​ จากนั้น​ก็​มีผู้ฝึก​ตน​หนุ่ม​คน​หนึ่ง​เดิน​ออกมา​ เขา​เลือก​เก้าอี้​ตัว​หนึ่ง​นั่งลง​ ยื่นมือ​ไป​คว้า​จับ​ บิด​ศีรษะ​ของ​ผู้ฝึก​ตน​เฒ่าคน​หนึ่ง​ยัด​ใส่ปาก​เคี้ยว​กร้วม​ๆ

ถึงอย่างไร​มด​ตัว​น้อย​รุ่นหลัง​ที่​ถือเป็น​คน​ของ​สาย​ตัวเอง​พวก​นี้​ ตลอด​หมื่น​ปี​ที่ผ่านมา​ก็​ล้วน​จุด​ธูป​คารวะ​ผิด​ๆ ไม่ใช่โทษ​ตาย​แล้​วจะ​เป็น​อะไร​

นอกจากนี้​ใน​พรรค​เล็ก​แห่ง​หนึ่ง​ที่​สร้าง​ขึ้น​ใน​พื้นที่​มงคล​แห่ง​หนึ่ง​ของ​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ ศีรษะ​ของ​เด็กหนุ่ม​คน​หนึ่ง​พลัน​เอียง​กะ​เท่​เร่​ สอง​ตา​ดำมืด​ เหม่อลอย​ไร้สติ​

ขณะเดียวกัน​สี่ด้าน​แปด​ทิศ​ของ​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ อาวุธ​เซียน​แปด​ชิ้น​ที่​ต่าง​ก็​มีผู้ครอบครอง​นาน​แล้ว​ถึงกับ​สะบั้น​ความ​เชื่อมโยง​บน​มหา​มรรคา​กับ​เจ้านาย​ด้วยตัวเอง​ สุดท้าย​พา​กัน​บิน​พุ่ง​ไป​ยัง​ทิศทาง​หนึ่ง​ เพียง​ชั่วพริบตา​นั้น​ก็​เป็นเหตุให้​ผู้ฝึก​ตน​ใหญ่​ห้า​ขอบเขต​บน​ของ​เปลี่ยว​ร้าง​ห้า​คน​ได้รับ​บาดเจ็บสาหัส​ คน​หนึ่ง​ใน​นั้น​ที่​เป็น​เซียน​ดิน​อายุ​น้อย​ซึ่งถูก​มองว่า​เป็น​ลูก​รัก​แห่ง​สวรรค์​ถึงกับ​กาย​ดับ​มรรคา​สลาย​ทันที​

นอกจากนี้​ใน​สถานที่​ต่างๆ​ ของ​เปลี่ยว​ร้าง​ยังมี​ปราก​ฎการณ์​ผิด​ปก​ปติ​เกิดขึ้น​อีก​หลาย​แห่ง​ กลิ่นอาย​ของ​ความกว้างใหญ่​ไพศาล​ขุม​แล้ว​ขุม​เล่า​พา​กัน​ปราก​ฎขึ้น​บน​โลก​

ทาง​ฝั่งของ​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​ก็​มีเสียง​กัมปนาท​เหมือน​เสียง​ราก​ภูเขา​แตก​ออก​เป็น​เสี่ยง​ๆ ดัง​ขึ้น​

ประหนึ่ง​เสียงสะท้อน​ก้อง​ระหว่าง​ฟ้าดิน​ที่​สอด​ประสาน​กับ​เสียง​สายลม​หลังจาก​การ​ถามกระบี่​ครั้งหนึ่ง​ผ่าน​ไป​

ในที่สุด​ลู่​เฉิน​ก็​ทำลาย​ความ​เงียบ​ ถามว่า​ “รา​คาที่​ต้อง​จ่าย​สูงไป​หน่อย​หรือไม่​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ใช้กระบี่​ยาว​ค้ำ​พื้น​ พลัน​ค้อม​เอว​ก้มหน้า​ลง​ ยื่นมือ​ที่​สั่น​เท้า​ข้าง​หนึ่ง​ออกมา​ ห้า​นิ้ว​งอ​เป็น​ตะขอ​จิก​ทับ​บน​ใบหน้า​

หลับตา​ลง​ข้าง​หนึ่ง​ ยังมี​ดวงตา​อีก​ข้าง​หนึ่ง​ที่​เป็น​สีทอง​

ลู่​เฉิน​รู้สึก​อก​สั่น​ขวัญ​ผวา​อย่าง​ที่​หา​ได้​ยาก​ ได้​แต่​ทำเป็น​ว่า​ไม่รู้ไม่เห็น​อะไร​ทั้งนั้น​

เงียบ​ไป​ครู่หนึ่ง​ เฉิน​ผิง​อัน​ก็​เงยหน้า​ขึ้น​ยิ้ม​บาง​ๆ “ขอบเขต​อะไร​นั่น​ ยิ่ง​ดื่มเหล้า​ก็​ยิ่ง​มี”

ลู่​เฉิน​ทำ​ท่าจะ​พูด​แต่​ก็​ไม่พูด​ อันที่จริง​เขา​ไม่ได้​พูด​แค่​เรื่อง​ขอบเขต​อย่าง​เดียว​เท่านั้น​

หาก​ตน​เก็บ​มรรค​กถา​กลับมา​ เฉิน​ผิง​อัน​จะต้อง​ขอบเขต​ถดถอย​ทันที​

ผู้ฝึก​ลมปราณ​จะขอบเขต​ถดถอย​จาก​หยก​ดิบ​เป็น​ก่อกำเนิด​ บน​วิถี​วร​ยุทธ​ก็​จะถดถอย​จาก​ขั้น​คืน​ความจริง​มาเป็น​ปราณ​โชติช่วง​

แม้การ​ถามกระบี่​ครั้งนี้​จะใช้กระบี่​สังหาร​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ได้​สำเร็จ​ ผล​เก็บเกี่ยว​ไม่น้อย​ เพียงแต่​โรค​ภัย​ที่​ทิ้ง​ไว้​เบื้องหลัง​ก็​สูงเช่นกัน​ ยกตัวอย่างเช่น​เมื่อ​ได้​เลื่อน​เป็น​ขอบเขต​หยก​ดิบ​อีกครั้ง​ก็​จะต้อง​เผชิญหน้า​กับ​จิต​มาร​?

ธรรมะ​สูงหนึ่ง​ฉื่อ​อธรรม​สูงหนึ่ง​จั้ง ไม่ใช่เรื่อง​ที่​พูด​ล้อเล่น​อะไร​

ยิ่ง​ไม่ต้อง​พูดถึง​การช่วงชิง​กัน​ระหว่าง​ความ​เป็น​คน​และ​ความ​เป็น​เทพ​เลย​

คาด​ว่า​นี่​ก็​คง​เป็น​ผู้ฝึก​กระบี่​กระมัง​?

นี่​ต่างหาก​จึงจะเป็น​ผู้ฝึก​กระบี่​?

ตน​ไม่เหมาะ​จะหลอม​กระบี่​จริงๆ​

ก่อนหน้านี้​เกือบจะ​ถูก​นักพรต​ซุน​โน้มน้าว​ให้​หวั่นไหว​เสียแล้ว​

ลู่​เฉิน​เอ่ย​เตือน​ “เฉิน​ผิง​อัน​ มาปรึกษา​กัน​หน่อย​ ไม่อาจ​ต่อสู้​ได้​อีกแล้ว​จริงๆ​ นะ​”

หาก​ยังมี​การ​ถามกระบี่​ทำนอง​นี้​เกิดขึ้น​อีก​ ลู่​เฉิน​ก็​กังวล​จริงๆ​ ว่า​แม้แต่​ตน​ก็​ต้อง​มอบให้​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​จัดการ​แล้ว​

เฉิน​ผิง​อัน​พยักหน้า​ “กลับ​แล้ว​”

กระบี่จงมา

กระบี่จงมา

Score 10
Status: Completed

อ่านนิยาย กระบี่จงมา 1 – 400 อ่านนิยาย

( อ่านต่อข้างล่าง )


” หนึ่งโลกธาตุขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยความลี้ลับมหัศจรรย์  ใจกลางฟ้าดิน เคยมีปัญญาชนผู้หนึ่งใช้หนึ่งกระบี่ฟาดฟันให้เกิดน้ำตกธารสวรรค์ คือความภาคภูมิใจสูงสุดของโลกมนุษย์  หน้าผาทะเลบูรพา มีนักพรตไร้นามผู้หนึ่งที่ไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งใด หวังเพียงให้ลมเย็นโชยมาปะทะใบหน้า  แดนสุขาวดีปัจฉิมทิศ มีหลวงจีนเฒ่าที่ชอบเล่าเรื่องราวให้ผู้คนฟัง เลี้ยงมังกรสวรรค์ไว้เก้าตัว พื้นที่กันดารแดนใต้ มีจิตรกรตาบอดควบคุมหุ่นเชิดเกราะทองสูงเท่าเนินเขาให้เคลื่อนย้ายภูเขาใหญ่หนึ่งแสนลูก ปูแผ่เป็นภาพลายปัก
เมื่อวันหนึ่งเด็กหนุ่มยากจนที่เติบโตทางทิศเหนือได้พบกับเซียนที่เหนือศีรษะมีกระบี่บินนับพันนับหมื่นประดุจฝูงตั๊กแตน “

เขาจึงอยากจะไปเห็นปัญญาชนคนนั้น เห็นคลื่นยักษ์ที่โถมตัวเทียมฟ้าของทะเลบูรพา

เห็นทะเลทรายสีเหลืองทองกว้างไกลนับหมื่นลี้ของแดนประจิม

และอยากไปเห็นภูเขาลูกโอฬารของแดนกันดารทางใต้ที่นักเล่านิทานเอ่ยถึงกับตาตัวเอง

ดังนั้น ในที่สุดวันหนึ่ง เด็กหนุ่มจึงสะพายกระบี่ไม้พาดหลัง มุ่งหน้าไปทางทิศใต้

–ข้ามีนามว่าเฉินผิงอัน ผิงอันที่แปลว่าสงบสุข สันติ ข้าคือมือกระบี่คนหนึ่ง–

Options

not work with dark mode
Reset