กระบี่จงมา 855.1 นกในกรงตัวหนึ่ง

ตอนที่ 855.1 นกในกรงตัวหนึ่ง

นักพรต​เด็กหนุ่ม​ยืน​อยู่​บน​ขั้นบันได​ หยาง​เหล่า​โถว​แห่ง​ร้าน​ยา​มักจะ​นั่ง​ถือ​กระบอก​ยาสูบ​พ่น​ควัน​โขมง​อยู่​ตรงนั้น​เป็นประจำ​

เฉิน​ผิง​อัน​ยืน​อยู่​ใต้​ชายคา​ เขา​ก้มหัว​กราบ​ตาม​ขนบ​ของ​ลัทธิ​เต๋า​อย่าง​ถูกระเบียบ​ เงียบงัน​ไม่เอ่ย​คำ​ใด​

ไม่ใช่ว่า​เฉิน​ผิง​อัน​แสร้ง​ทำเป็น​ลึกลับ​ แต่​เป็น​เพราะ​ไม่รู้​ว่า​ควรจะ​ตอบ​อย่างไร​จริงๆ​ หลัก​ๆ แล้ว​ยัง​กังวล​ด้วยว่า​จะเกี่ยวพัน​ไป​ถึงห​ลี่​หลิ่ว​ จึงได้​แต่​บากหน้า​ทำตัว​เป็น​น้ำเต้า​ตัน​

นักพรต​เด็กหนุ่ม​สะบัด​ชาย​แขน​เสื้อ​ ประสานมือ​คารวะ​ตาม​ขนบ​ของ​ลัทธิ​ขงจื๊อ​อย่าง​เข้าท่า​เข้าที​ เพียง​คลี่​ยิ้ม​ไม่เอ่ย​คำ​ใด​

เด็กหนุ่ม​นั่งลง​บน​ขั้นบันได​ ผาย​ฝ่ามือ​ข้าง​หนึ่ง​ออกมา​ “เชิญนั่ง​ตามสบาย​ พวกเรา​ต่าง​ก็​เป็น​แขก​ อย่า​ได้​คิดเล็กคิดน้อย​มากเกินไป​นัก​”

ข้า​เป็น​แขก​ที่​ผ่าน​ทาง​มา เจ้าในเวลานี้​ก็​เหมือนกัน​ แต่​หลังจากนี้​กลับ​ไม่แน่​เสมอไป​

เฉิน​ผิง​อัน​ขยับ​เท้า​ไป​นั่งลง​บน​ม้านั่งยาว​ มีเพดาน​เปิด​อ้า​ที่​น้ำ​สี่ทิศ​มารวมกัน​ใน​โถงเดียว​กั้น​ขวาง​เขา​กับ​เด็กหนุ่ม​เอาไว้​ ทั้งสอง​นั่ง​อยู่​ตรงข้าม​กัน​

สถานะ​ของ​นักพรต​เด็กหนุ่ม​ตรงหน้า​ ไม่ต้อง​เดา​เลย​

เคย​ขี่​วัว​ผ่าน​ด่าน​ ท่องเที่ยว​ไป​ใน​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​อย่าง​สบาย​อุรา​ แค่​ชี้นิ้ว​ง่ายๆ​ หนึ่ง​ที​ก็​ซัด​ปีศาจ​ใหญ่​บน​บัลลังก์​เก่า​ให้​ร่วง​กลับ​ไป​ที่​ก้น​บ่อ​โบราณ​ ทิ้งร่องรอย​ที่​หลาย​พันปี​ก็​ไม่อาจ​ลบเลือน​ไว้​บน​ร่าง​ของ​อีก​ฝ่าย​

และ​ยิ่ง​บีบ​ให้​บรรพบุรุษ​ใหญ่​ชูเซิงต้อง​หลบหนี​ไป​อยู่​นอก​ฟ้า ไม่กล้า​โผล่​หน้า​มา

ต่อให้​เป็น​นักพรต​ซุน​แห่ง​อาราม​เสวียน​ตู​ใหญ่​ ยอด​ฝีมือ​ผู้​บรรลุ​มรรคา​ที่​ ‘ทุกๆ​ สามวัน​ห้า​วัน​จะต้อง​ไป​ถามไถ่ทักทาย​ผู้​ไร้​เทียมทาน​ที่​แท้จริง​’ เล่าลือ​กัน​ว่า​ตอนที่​เดินทาง​มาเยือน​ใต้​หล้า​ไพศาล​ ทุกครั้งที่​พูดคุย​ถึงมรรคา​จารย์​เต๋า​ผู้​ก่อสร้าง​ป๋า​ยอ​วี้​จิงกับ​พวก​ป๋า​ย​เห​ย่​ก็​ยัง​รู้สึก​เป็นเกียรติ​ พูดจา​มั่นเหมาะ​น่าเชื่อ​ถือว่า​ ขอ​รับประกัน​ว่า​คน​ที่​ต่อสู้​ได้​เก่ง​ที่สุด​ใน​ใต้​หล้า​ยังคง​เป็น​ท่าน​ผู้​นั้น​ของ​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​ข้า​

อยู่​กับ​มรรคา​จารย์​เต๋า​ ทั้งที่​เข้าใจ​แต่​แสร้ง​ทำเป็น​เลอะเลือน​ ไม่ได้​มีความหมาย​ใดๆ​ ส่วน​คน​ที่​เลอะเลือน​แต่​แกล้ง​ทำเป็น​เข้าใจ​ก็​ยิ่ง​เป็นที่​ตลกขบขัน​ของ​คนอื่น​เข้าไป​ใหญ่​

มรรคา​จารย์​เต๋า​มอง​ภาพ​บรรยากาศ​ของ​ขอบเขต​สิบ​สี่บน​ร่าง​เฉิน​ผิง​อัน​แล้ว​ยิ้ม​เอ่ย​ว่า​ “คำ​ว่า​ห​ลี่​ (มารยาท​และ​พิธีการ​) ยาก​ที่จะ​มีครบถ้วน​ทั้ง​เหตุผล​และ​อารมณ์​ ทั้ง​ยัง​ไม่ตายตัว​ จอม​ปราชญ์​น้อย​ยังคง​ร้ายกาจ​อยู่​มาก​”

จากนั้น​มรรคา​จารย์​เต๋า​ก็​พูด​เปิดโปง​ความลับ​สวรรค์​ด้วย​ประโยค​ว่า​ “เจ้าสามารถ​แบกรับ​ขอบเขต​ส่วน​นี้​ของ​ลู่​เฉิน​เอาไว้​ได้​ สิ่งที่​สลาย​กระจาย​ไป​มีน้อย​มาก​ สาเหตุ​ไม่ได้​เพียงแค่​เพราะ​ห​ลี่​เซิ่งและ​ลู่​เฉิน​เท่านั้น​ คุณสมบัติ​ของ​ ‘เรือ​กลวง​’ บน​ร่าง​เจ้ามีค่อนข้าง​สูง ซึ่งนี่​ก็​มีความเกี่ยวข้อง​อยู่​ไม่น้อย​ มีเพียง​มหา​มรรคา​ที่​ถึงจะสามารถ​รวบรวม​สภาพ​จิตใจ​ที่​นิ่ง​สงบ​ว่างเปล่า​เอาไว้​ได้​ สภาพ​จิตใจ​ที่ว่างเปล่า​ใสสะอาด​เรียก​ว่า​ศีล​ใจ ผู้​ที่​ปล่อยวาง​ได้​ฟ้าดิน​ย่อม​กว้างใหญ่​ พูดถึง​แค่​ใน​บรรดา​คน​ที่​เจ้ารู้จัก​ โจว​มี่ ชุย​ฉาน​ ฉีจิ้งชุน​ เจิ้งจวี​จง อู๋ซวงเจี้ยง​ ล้วน​เป็น​จำพวก​บัณฑิต​ หาก​เอ่ย​ถ้อยคำ​ที่​ธรรมดา​สามัญสักหน่อย​ ก็​คือ​คน​คน​หนึ่ง​ต้อง​มีท้อง​ที่ว่างเปล่า​ถึงจะกิน​ได้​มากขึ้น​ เหตุใด​ผู้ฝึก​ตน​ถึงแตกต่าง​จาก​คน​ทั่วไป​ อะไร​คือ​คำกล่าว​ที่ว่า​ขึ้น​เขา​ฝึก​เป็น​เซียน​ ก็​หนี​ไม่พ้น​การเจาะ​ภูเขา​ทำเป็น​เรือน​พัก​ เอา​เจ็ด​อารมณ์​หก​ปรารถนา​ ความคิด​อัน​ซับซ้อน​ลมปราณ​อัน​ขุ่นมัว​ของ​มนุษย์​ธรรมดา​ย้ายออก​ไป​ นำ​ปราณ​วิญญาณ​ฟ้าดิน​ วาสนา​มรรค​กถา​และ​บุญบารมี​ความโชคดี​ย้าย​เข้ามา​”

คน​ชุด​เขียว​ผู้​หนึ่ง​นั่ง​ตัวตรง​อย่าง​สำรวม​ คล้าย​กับ​เด็กประถม​ใน​โรงเรียน​ที่​เพิ่ง​ได้​เริ่ม​อ่านหนังสือ​รู้จัก​ตัวอักษร​

ทุกวันนี้​ผู้ฝึก​ตน​บน​ยอดเขา​ของ​ใต้​หล้า​ทั้งหลาย​ ไม่ว่า​จะเป็น​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​หรือ​ขอบเขต​สิบ​สี่ล้วน​ไม่กล้า​เรียกชื่อ​โจว​มี่ออกมา​ตรงๆ​ เพราะ​กลัว​ว่า​จะเปิด​เผยความลับ​ของ​โลก​มนุษย์​ให้​แก่​บน​ฟ้า

มรรคา​จารย์​เต๋า​หัวเราะ​ ดูเหมือนว่า​เจ้าหมอ​นี่​จะยัง​ถูก​ปิดหูปิดตา​ ก็​เป็นเรื่อง​ปกติ​ สามลัทธิ​เมธีร้อย​สำนัก​ มีหรือ​จะปล่อย​ให้​หนึ่ง​นั้น​ได้รับ​การ​ยอมรับ​จาก​ผู้​ครอง​กระบี่​ตั้งแต่​อายุ​น้อย​ๆ? และ​ยิ่ง​มีศิษย์​พี่​สอง​คน​คอย​จับตามอง​อยู่​ ต่อให้​เฉิน​ผิง​อัน​คิด​จน​หัว​แตก​ก็​ไม่มีทาง​คิด​มาถึงตัวเอง​ ไม่มีทาง​นึกได้​ว่า​บน​เส้นทาง​ของ​การ​เดินทางไกล​ตลอด​หลาย​ปี​มานี้​ แท้จริง​แล้ว​ไม่เพียงแต่​เป็นการ​ถือ​เทียน​ท่อง​ราตรี​เท่านั้น​ แต่​ยัง​เป็นการ​ถือ​โคม​ยาม​ทิวา​อีกด้วย​

เพียงแต่​มรรคา​จารย์​เต๋า​ไม่รีบร้อน​เปิดเผย​เรื่อง​นี้​ เขา​ถามว่า​ “นับแต่​เด็ก​มาเจ้าก็​ใกล้ชิด​กับ​พระธรรม​ อีก​ทั้ง​ยังมี​ความเข้าใจ​ใน​เรื่อง​ของ​การ​ยอมรับ​และ​การ​ปฏิเสธ​ค่อน​ข้างมาก​ ถ้าอย่างนั้น​ก็​คง​ต้อง​รู้​ถึงสัจธรรม​สามประโยค​สินะ​?”

เฉิน​ผิง​อัน​พยักหน้า​ “พระพุทธเจ้า​ตรัส​ว่า​โลก​ ทั้ง​ไม่ใช่โลก​ แต่​ชื่อ​เดิม​คือ​โลก​”

มรรคา​จารย์​เต๋า​ยิ้ม​บาง​ๆ เอ่ย​ว่า​ “กล่าว​ได้ดี​ แต่​พูด​เฉย​ๆ ไม่สู้ยกตัวอย่าง​ให้​ฟัง หลักการ​เหตุผล​คือ​ความว่างเปล่า​ใน​ฟ้าดิน​ ตัวอย่าง​ก็​คือ​จุด​พัก​ม้าคือ​ท่าเรือ​ ทำให้​คนฟัง​มีพื้นที่​ให้​หยัดยืน​ ไม่อย่างนั้น​ยอด​ฝีมือ​ใช้เหตุผล​ ก็​คง​เหมือน​การขี่​กระเรียน​ไป​เยือน​หยาง​โจว​แล้ว​”

เฉิน​ผิง​อัน​เอ่ย​ “ซูจื่อ​มีกวี​บท​หนึ่ง​บอก​ไว้​ว่า​ เมฆเรืองรอง​แห่ง​เมือง​ตัน​โจว​ คลื่น​น้ำ​แห่ง​นที​เฉียน​ถัง หาก​ไร้​วาสนา​ได้​ไป​ชม ต้อง​เสียดาย​ไป​ชั่วชีวิต​ เมื่อ​ถึงครา​ได้มา​เยือน​กลับ​ค้นพบ​ว่า​ก็​มีเพียง​เท่านั้น​ เมฆเรืองรอง​แห่ง​เมือง​ตัน​โจว​ คลื่น​น้ำ​แห่ง​นที​เฉียน​ถัง”

มรรคา​จารย์​เต๋า​กล่าว​ “พูด​อีก​”

เฉิน​ผิง​อัน​ตอบ​ “เต๋า​ที่​อธิบาย​ได้​มิใช่เต๋า​ที่​เที่ยงแท้​”

มรรคา​จารย์​เต๋า​ยิ้ม​กล่าว​ “มิน่าเล่า​ซูจื่อ​ถึงมอบ​เทียบ​อักษร​ให้​ว่องไว​เต็มใจ​ยิ่งกว่า​หลิ่ว​ชี แล้วก็​ไม่แปลกที่​เจ้าอาราม​ซุน​โปรดปราน​เจ้าเป็นพิเศษ​ กลับ​ไป​ถึงบ้านเกิด​เจอ​ใคร​ก็​บอ​กว่า​มีสหาย​น้อย​อยู่​ที่​ใต้​หล้า​ไพศาล​คน​หนึ่ง​ เป็น​คน​อัศจรรย์​”

เฉิน​ผิง​อัน​รู้สึก​ลำบากใจ​เล็กน้อย​ ตน​ยัง​ไม่ทัน​ไป​เยือน​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​ ชื่อเสียง​ก็​เลื่องลือ​ไป​ทั่ว​หัวถนน​แล้ว​หรือ​? แบบนี้​จะถือว่า​สุรา​หอม​มิต้อง​กลัว​อยู่​ใน​ตรอก​ลึก​หรือไม่​?

มรรคา​จารย์​เต๋า​ถามว่า​ “เคย​คิด​หรือไม่​ว่า​เหตุใด​ศิษย์​พี่​สอง​คน​นั้น​ของ​เจ้าถึงกล้า​ทำ​เรื่อง​จับ​ตะพาบ​ใน​ไห​? เมื่อ​หมื่น​ปีก่อน​ พวกเรา​สามคน​ก็​ไม่อาจ​ขจัด​ภัย​แฝงอย่าง​ซาก​ปรัก​สรวงสวรรค์​เก่า​นี้​ได้​อย่าง​สิ้นซาก​ ทุกวันนี้​โจว​มี่เข้าไป​อยู่​ใน​นั้น​ คาด​ว่า​ระดับ​ความ​ยาก​คง​มาก​ยิ่งกว่า​เดิม​ แต่​ตอนนี้​พวกเรา​ทั้ง​สามจะสลาย​มรรคา​แล้ว​ เรื่อง​ของ​การ​จัดการ​กับ​น้ำ​ แต่ไหนแต่ไร​มาการอุด​กั้น​ก็​ไม่สู้การ​ปล่อย​ให้​ไหลผ่าน​ หลักการ​นี้​ ชุย​ฉาน​และ​ฉีจิ้งชุน​ต่าง​ก็​ไม่ใช่คน​ที่​สายตา​คับแคบ​ มีหรือ​จะไม่เข้าใจ​? เจ้าลอง​คิด​อีกที​ว่า​ เหตุใด​โจว​มี่ถึงได้​พา​ผู้คน​ขึ้น​ฟ้า เขา​กำลัง​รอคอย​อะไร​อยู่​กัน​แน่​? คิด​จะเสริม​ตำแหน่ง​เทพ​ให้​ครบ​ ก็​น่าจะ​พอๆ กับ​กอง​โหราศาสตร์​ใน​ราชวงศ์​โลก​มนุษย์​ของ​พวกเรา​ เป็น​ดั่ง​หัวไชเท้า​หนึ่ง​หัว​กับ​หลุม​หนึ่ง​หลุม​มาโดยตลอด​”

มรรคา​จารย์​เต๋า​พูด​มาถึงตรงนี้​ก็​ยิ้ม​เอ่ย​ว่า​ “โจว​มี่คง​ไม่ได้​เอาแต่​รอ​พวกเรา​สามคน​ไป​ขวาง​ประตู​หรอก​กระมัง​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ส่ายหน้า​ “ผู้เยาว์​คิด​แล้วก็​ไม่เข้าใจ​”

“เพราะ​บน​โลก​มนุษย์​มีอยู่​เรื่อง​หนึ่ง​ที่​ทำให้​โจว​มี่ผู้​ซึ่งวางแผน​รอบคอบ​รัดกุม​กลายเป็น​ประมาทเลินเล่อ​ไป​ได้​”

มรรคา​จารย์​เต๋า​ยก​มือขึ้น​ชี้มาที่​เฉิน​ผิง​อัน​ “ก็​คือ​เจ้า นก​ใน​กรง​”

โจว​มี่ที่อยู่​บน​ฟ้า เฉิน​ผิง​อัน​ที่อยู่​ใน​โลก​มนุษย์​มีการชัก​คะ​เย่อ​ใน​ด้าน​นิสัยใจคอ​กัน​อย่างหนึ่ง​อยู่​ และ​สุดท้าย​แล้​วจะ​เป็นตัว​ตัดสิน​ว่า​ใคร​ที่จะ​สามารถ​เป็นหนึ่ง​นั้น​ที่​ใหม่เอี่ยม​และ​แข็งแกร่ง​ยิ่งกว่า​

ภูเขา​ลั่วพั่ว?​ วิญญาณ​ (พั่ว)​ กลับ​สู่ฟ้า วิญญาณ​กลับ​สู่ดิน​

แน่นอน​ว่า​โจว​มี่ย่อม​ต้อง​มีวิธีการ​เป็น​ของ​ตัวเอง​ บุกเบิก​หา​เส้นทาง​ใหม่​ บุกเบิก​โฉมหน้าใหม่​ หา​วิธี​ใน​การ​คลี่คลาย​ปัญหา​ ไม่มีทาง​อยู่​นิ่งเฉย​รอ​ความตาย​อย่าง​แน่นอน​

มรรคา​จารย์​เต๋า​เอ่ย​ “ดังนั้น​ชิงถงเทียน​จวิน​ถึงทิ้งจดหมาย​ทางบ้าน​ไว้​ให้​เจ้าฉบับ​หนึ่ง​ ถามว่า​เจ้ากิน​อิ่ม​แล้ว​หรือไม่​”

เส้นเอ็น​หัวใจ​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​พลัน​ขึง​ตึง​ขึ้น​มาทันใด​ สอง​มือ​กำหมัด​หลวม​ๆ วาง​ไว้​บน​หัวเข่า​ สูด​ลม​หายใจเข้า​ลึก​หนึ่ง​ครั้ง​ ถามเสียง​หนัก​ “ข้า​ก็​คือ​…หนึ่ง​นั้น​?”

มรรคา​จารย์​เต๋า​ยิ้ม​เอ่ย​ “ฉีจิ้งชุน​เอา​ภาระ​หนักอึ้ง​วาง​ไว้​บน​บ่า​เจ้าแต่​เนิ่นๆ​ จริง​เสีย​ด้วย​”

เฉิน​ผิง​อัน​พลัน​เข้าใจ​ได้​อย่าง​ทะลุปรุโปร่ง​

เหตุใด​โจว​จื่อ​ที่​คิด​คำนวณ​ได้​อย่าง​ครอบคลุม​ถึงได้​ตั้งตัว​เป็นปฏิปักษ์​กับ​เด็กกำพร้า​ของ​ตรอก​หนี​ผิง​มาตั้งแต่แรก​ บุคคล​อย่าง​โจว​จื่อ​นี้​ เดิมที​ก็​สามารถ​มอง​ทะลุ​ความเป็นความตาย​ หลุดพ้น​จาก​ความดี​ความ​เลว​ไป​แล้ว​

ตอน​เป็น​เด็ก​ขึ้น​เขา​ไป​เก็บ​ยาสมุนไพร​ ครั้งนั้น​ได้​ถูก​น้ำท่วม​ใน​ภูเขา​กีดขวาง​ ภายหลัง​หยาง​เหล่า​โถว​จึงถ่ายทอด​วิชาการ​หายใจ​ให้​บท​หนึ่ง​ เพื่อ​เป็น​ของ​แลกเปลี่ยน​ เฉิน​ผิง​อัน​ต้อง​ทำ​กระบอก​ยาสูบ​อัน​หนึ่ง​ให้​เขา​

ตอนที่​กลับ​มาจาก​เมืองหลวง​ต้า​สุย​ก็ได้​มอบ​กระบี่​บิน​ให้​เขา​หนึ่ง​เล่ม​ ถูก​เฉิน​ผิง​อัน​ตั้งชื่อ​ให้​ว่า​สือ​อู่​ เหตุผล​ของ​หยาง​เหล่า​โถว​ก็​คือ​บ้าน​ใคร​ยาม​ปีใหม่​ไม่กิน​เกี๊ยว​กัน​บ้าง​เล่า​

บวก​กับ​ตัวอ่อน​กระบี่​บิน​ที่​เดิมที​มีชื่อว่า​ ‘เสี่ยว​เฟิงตู​’ เล่ม​นั้น​ ชูอี​ สือ​อู่​ ความหมาย​ก็​คือ​หลบ​พ้น​ชูอี​ (วัน​ที่หนึ่ง​ของ​เดือน​) แต่​หลบ​ไม่พ้น​สือ​อู่​ (วันที่​สิบห้า​ของ​เดือน​)

คิดไม่ถึง​ว่าที่​หลบ​ไม่พ้น​ที่สุด​ ดูเหมือนว่า​จะเป็นตัว​เฉิน​ผิง​อัน​เอง​

ออกจาก​บ้าน​เดินทางไกล​อีกครั้ง​ นำ​กระบี่​ไป​มอบให้​หนิง​เหยา​ที่​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ บน​ข้อเท้า​แปะ​ยันต์​ลมปราณ​ที่​แท้จริง​เอาไว้​

เฉิน​ผิง​อัน​ถาม “เป็น​ข้า​มาตั้งแต่แรก​เลย​หรือ​?”

มรรคา​จารย์​เต๋า​ส่ายหน้า​ “นั่น​ก็​ดูแคลน​วิธีการ​ของ​ชิงถงเทียน​จวิน​เกินไป​แล้ว​ หนึ่ง​นี้​ เป็น​เจ้าที่​เรียกร้อง​มาเอง​”

เฉิน​ผิง​อัน​ถอนหายใจ​โล่งอก​ ถามเข้า​ประเด็น​โดยตรง​ “ขอ​ถามมรรคา​จารย์​เต๋า​ สามารถ​แก้ไข​เรื่อง​นี้​ได้​หรือไม่​ อีก​ทั้ง​ข้า​ยังคง​เป็น​ข้า​อยู่​เหมือนเดิม​?”

มรรคา​จารย์​เต๋า​หัวเราะ​หึหึ​ “ขอให้​ตัวเอง​โชคดี​เถิด​”

เฉิน​ผิง​อัน​บื้อ​ใบ้​

มรรคา​จารย์​เต๋า​เดา​ได้​ว่า​เฉิน​ผิง​อัน​คง​คิด​ไป​คนละ​ทาง​แล้ว​ นั่น​ก็​เพราะ​คำกล่าว​ที่​เดิมที​ก็ดี​ๆ อยู่​ กลับ​ถูก​คน​บน​โลก​แพร่กระจาย​กัน​ไป​จน​ความหมาย​ผิดเพี้ยน​จาก​เดิม​ไป​เรื่อยๆ​ แล้ว​ ดังนั้น​มรรคา​จารย์​เต๋า​จึงแก้​ประโยค​เล็กน้อย​ “คน​ที่​ช่วยเหลือ​ตัวเอง​มัก​มีโชคดี​”

เฉิน​ผิง​อัน​ถาม “หา​กห​ลี่​หลิ่ว​หรือไม่​ก็​หม่า​ขู่​เสวียน​ได้​เห็น​ตัวอักษร​เหล่านั้น​ ถ้าอย่างนั้น​จะเป็น​ลายมือ​ของ​ใคร​?”

เฉิน​ผิง​อัน​เข้าใจผิด​คิด​มาโดยตลอด​ว่า​ตัวอักษร​เหล่านั้น​มาจาก​ลายมือ​ของ​ห​ลี่​หลิ่ว​หรือไม่​ก็​หม่า​ขู่​เสวียน​

มรรคา​จารย์​เต๋า​ส่ายหน้า​ “ไม่แน่​หรอก​ สิ่งที่​ห​ลี่​หลิ่ว​มองเห็น​ บางที​อาจ​เป็น​ต่งสุ่ย​จิ่งที่​ราวกับว่า​คอย​ทวงหนี้​แทน​คนอื่น​ หรือไม่​ก็​เป็น​หลิน​โส่ว​อี​ที่​ ‘จิต​แห่ง​มรรคา​เฝ้าหนึ่ง​’ สิ่งที่​หม่า​ขู่​เสวียน​มองเห็น​ บางที​อาจ​เป็น​เทพ​อัคคี​ห​ร่วน​ซิ่ว​ หรือไม่​ก็​เทพ​วารี​ห​ลี่​หลิ่ว​ สิ่งที่​กู้​ช่าน​มองเห็น​บางที​อาจ​เป็น​ซ่งจี๋ซิน​ หรือไม่​ก็​จ้าว​เหยา​ผู้​แต้ม​นัยน์ตา​มังกร​ สิ่งที่​ห​ร่วน​ซิ่ว​มองเห็น​ก็​อาจจะ​เป็น​ลายมือ​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​แห่ง​ตรอก​หนี​ผิง​หรือไม่​ก็​หลิว​เสี้ยน​หยาง​ แค่​พอ​จะแน่ใจ​ใน​ข้อ​หนึ่ง​ ไม่ว่า​ใคร​ที่​ได้​เห็น​ก็​ล้วน​คิด​ว่า​ไม่ใช่ลายมือ​ของ​ตัวเอง​”

มรรคา​จารย์​เต๋า​ยิ้ม​กล่าว​ “เมื่อ​ใน​ใจเจ้ามั่นใจ​ใน​เรื่อง​หนึ่ง​ก็​จะคอย​หา​เหตุผล​และ​หลักฐาน​มาสนับสนุน​ความคิด​ส่วน​นี้​ของ​พวก​เจ้าอย่าง​ต่อเนื่อง​ คนงาน​เตาเผา​ คน​ฆ่าสัตว์​ คน​ชันสูตรศพ​ ช่างไม้ นายพราน​หา​ฟืน​ ชาวประมง​จับ​ปลา​ เพียงแค่​เพราะ​ทักษะ​ของ​แต่ละคน​แตก​ต่างกัน​ไป​ ถ้าอย่างนั้น​มองโลก​ใบ​เดียวกัน​ก็​จะมีการ​ให้ความสำคัญ​ที่​แตก​ต่างกัน​ไป​”

เฉิน​ผิง​อัน​ขมวดคิ้ว​มุ่น​ ถามหยั่งเชิง​ว่า​ “ตัวอักษร​พวก​นั้น​คล้ายคลึง​กับ​เมือง​หง​จู๋? ราวกับ​จุดตัด​ของ​แม่น้ำ​แห่ง​กาลเวลา​แห่ง​หนึ่ง​ เป็นเหตุให้​ไม่ว่า​ใคร​ก็​ล้วน​เป็นไปได้​ ขณะเดียวกัน​ใคร​ก็​ไม่ใช่คน​แกะสลัก​ตัวอักษร​?”

มรรคา​จารย์​เต๋า​ตอบ​ไม่ตรง​คำถาม​ “การ​ที่​ชิงถงเทียน​จวิน​ร่าย​ตรา​ผนึก​นี้​ไว้​ก็​เพื่อให้​คน​รุ่นเยาว์​อย่าง​พวก​เจ้าไม่ถึงขั้น​เหน็ดเหนื่อย​ใจบน​เส้น​ทางการ​ฝึก​ตน​ในอนาคต​มากเกินไป​ แน่นอน​ว่า​สิ่งที่​เขา​เป็นกังวล​มาก​ยิ่งกว่า​ก็​คือ​หลังจากที่​ถ้ำสวรรค์​หลี​จูปริ​แตก​หล่น​ร่วง​ลงมา​หยั่งราก​ลง​บน​พื้นดิน​แล้ว​ จะต้อง​สูญเสีย​สิ่งกีดขวาง​ที่​สกัดกั้น​ความลับ​สวรรค์​ชั้นหนึ่ง​ไป​ เมื่อ​พวก​คน​รุ่นเยาว์​พา​กัน​ออก​ไปหา​ประสบการณ์​ด้านนอก​ก็​จะเป็นการ​แพร่งพราย​เบาะแส​ที่​เกี่ยวข้อง​เร็ว​ก่อนเวลา​เกินไป​”

เกี่ยวกับ​ทิศ​ทางการ​ไหล​ไป​ของ​แม่น้ำ​แห่ง​กาลเวลา​ คือ​ข้อห้าม​ที่​ไม่เล็ก​ข้อ​หนึ่ง​ ผู้ฝึก​ตน​ต้อง​ไป​สืบเสาะ​ตามหา​กันเอา​เอง​

มรรคา​จารย์​เต๋า​ยิ้ม​กล่าว​ “ตอนนี้​เจ้าสามารถ​ตอบคำถาม​ก่อนหน้า​นั้น​ได้​แล้ว​ใช่หรือไม่​?”

เฉิน​ผิง​อัน​หันหน้า​มอง​ไป​ยัง​ทิศทาง​ของ​ตรอก​หนี​ผิง​ตาม​จิตใต้สำนึก​

จาก​ตรอก​เล็ก​เดิน​มาถึงร้าน​ยา​แห่ง​นี้​ หากว่า​มีเงิน​ซื้อ​ยา​ ต่อให้​เป็น​อากาศ​ที่​มีลม​หิมะ​ เส้นทาง​เปื้อน​ดิน​โคลน​ ก็​ยัง​จะเดิน​ด้วย​ฝีเท้า​แผ่วเบา​ แต่​หาก​ใน​กระเป๋า​ไม่มีเงิน​ เส้นทาง​เดียวกัน​ ต่อให้​ตลอดทั้ง​เส้นทาง​มีดอกไม้​ฤดูใบไม้ร่วง​ผลิบาน​ ก็​ยัง​ทำให้​ฝีเท้า​ของ​คน​โซซัดโซเซ​ เหนื่อยล้า​สิ้น​เรี่ยวแรง​ได้​อยู่ดี​

เหตุใด​ถึงเป็น​เช่นนี้​ ย่อม​เกิด​จาก​สภาพ​จิตใจ​ ทุก​วิธีการ​ล้วน​ไม่ได้​เกิดขึ้น​เพียงลำพัง​ จำเป็นต้อง​มีสภาพแวดล้อม​ที่​สอดคล้องกัน​จึงจะเกิดขึ้น​ได้​ ขึ้นเขาลงห้วย​ แต่กลับ​ไม่อิดออด​ชักช้า​ นี่​ก็​คือ​คำ​ว่า​ตัด​ความกังวล​ใน​ใจทิ้ง​ไป​ เพียง​สนใจ​แต่​เรื่อง​ภายนอก​อย่าง​ที่​ลัทธิ​พุทธ​กล่าวถึง​ แล้ว​นับประสาอะไร​กับ​ที่​อาจารย์​ของ​ตน​ยัง​เคย​ให้​คำอธิบาย​ประโยค​ที่ว่า​ ‘ใจคน​เป็น​ภัย​ไม่แน่นอน​ แก่น​แห่ง​มรรคา​จึงจะละเอียดอ่อน​’ เอาไว้​ด้วย​

ตอน​เด็ก​เรื่อง​ของ​การ​เผา​เครื่อง​ปั้น​ ความรู้​ที่​ใหญ่​ที่สุด​ก็​หนี​ไม่พ้น​สี่คำ​ ใจมั่น​มือ​คล่อง​ (เปรียบเปรย​ว่า​ราบรื่น​ไป​ทุกอย่าง​) ใจมุ่งไป​ มือ​ทำตาม​

เฉิน​ผิง​อัน​กล่าว​ “ไม่ต้อง​เดิน​เตร็ดเตร่​ใน​ตรอก​ไป​เรื่อยเปื่อย​เพียงลำพัง​เพียงแค่​เพื่อ​หาเงิน​เหรียญทองแดง​สัก​เหรียญ​บน​พื้น​ แล้วก็​ไม่ต้อง​รอคอย​ให้​คนอื่น​เปิด​ประตู​บ้าน​ ข้า​รู้สึก​ว่า​ล้วน​ไม่ยากลำบาก​”

มรรคา​จารย์​เต๋า​ยิ้ม​ถาม “เคย​เก็บ​เงินได้​หรือไม่​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ตอบ​อย่าง​เขินอาย​ “เคย​เก็บ​ได้​อยู่​สอง​สามเหรียญ​จริงๆ​”

ใน​ค่ำคืน​ที่​ต้อง​คอย​แย่ง​น้ำ​กับ​คนอื่น​ มีเด็ก​คน​หนึ่ง​นอน​อยู่​บน​คันนา​ ยก​ขา​นั่งไขว่ห้าง​ เคี้ยว​ต้น​หญ้า​ใน​ปาก​ เหนือศีรษะ​คือ​ทางช้างเผือก​พร่างพราว​ เด็กชาย​ชูเหรียญทองแดง​เหรียญ​หนึ่ง​ที่​ตอนกลางวัน​เก็บ​มาจาก​บน​พื้น​ขึ้น​สูง

มรรคา​จารย์​เต๋า​ยก​มือขึ้น​ชี้ไป​ที่​ศีรษะ​ จากนั้น​ชี้ไป​ที่​หัวใจ​ “ความ​มีเหตุผล​ของ​คน​คน​หนึ่ง​คือ​การ​สรุป​รวม​ความรู้​ที่​สะสมมาใน​ภายหลัง​ คือ​เส้นทาง​แต่ละ​เส้น​ที่​พวกเรา​บุกเบิก​กันเอง​ แต่​ความรู้สึก​ของ​พวกเรา​กลับเป็น​สิ่งที่​มีมาตั้งแต่​เกิด​ มาจาก​หัวใจ​ อันว่า​หัวใจ​นั้น​เป็น​ประธาน​ใหญ่​ที่สุด​ เป็น​ช่องทาง​แสดงออก​ทาง​ด้าน​ความคิด​และ​จิตวิญญาณ​ น่าเสียดาย​ที่​มนุษย์​ต้อง​เหนื่อยยาก​เพราะ​สิ่งของ​นอกกาย​ ความคิด​ไม่มีอิสระ​จึงต้อง​ทำ​สิ่งที่​ฝืนใจ​ เป็นเหตุให้​การ​ฝึก​ตน​นั้น​ พูด​หนึ่ง​พัน​กล่าว​หนึ่ง​หมื่น​ สุดท้าย​ก็​หนี​ไม่พ้น​คำ​ว่า​ใจ”

“เฉิน​ผิง​อัน​ ขอ​ถามเถอะ​ว่า​วัตถุประสงค์​ของ​คำ​ว่า​ ‘ศาสตร์​’ ทั้งหลาย​บน​โลก​ใบ​นี้​นั้น​อยู่​ที่ใด​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ครุ่นคิด​เล็กน้อย​ก็​ตอบ​ว่า​ “สามารถ​พิสูจน์​ว่า​เป็น​เท็จ​ สามารถ​แก้ไข​ความผิด​”

มรรคา​จารย์​เต๋า​ถามอีก​ “มรรคา​อยู่​ที่ใด​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ตอบ​ “สามารถ​ทำให้​ใจคน​ใฝ่หา​ ผสาน​รวม​กับ​หมื่น​ฟ้าดิน​และ​สรรพสิ่ง​ให้​เป็นหนึ่ง​ พ้น​แล้ว​จาก​อุปาทาน​”

มรรคา​จารย์​เต๋า​พยักหน้า​รับ​ คล้าย​จะพอใจ​ใน​คำตอบ​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​อยู่​บ้าง​ สีหน้า​เขา​จึงมีความ​สะทก​สะท้อนใจ​อยู่​หลาย​ส่วน​ “ร้อย​บุปผา​ประชัน​กัน​ผลิบาน​ พัน​นาวา​ช่วงชิง​กัน​ไหล​ล่อง​ ปราชญ์​ผู้ล่วงลับ​เผ่า​มนุษย์​ที่​เปลี่ยน​ฟ้าผลัด​ดิน​ใน​ช่วง​แรกเริ่ม​สุด​นั้น​ ท่ามกลาง​ช่วงเวลา​อัน​รุ่งโรจน์​ที่​ยาก​จะใช้ถ้อยคำ​มาบรรยาย​ได้​ ไม่ว่า​จะเป็น​ฝึก​ตน​เดิน​ขึ้น​เขา​ หรือ​การศึกษา​หา​ความรู้​ก็​ล้วน​เป็น​ช่วงเวลา​ที่​งดงาม​อย่าง​มาก​ทั้งสิ้น​”

มรรคา​จารย์​เต๋า​ลุกขึ้น​ยืน​ “ตาม​ข้า​ไป​ที่​ตรอก​หนี​ผิง​รอบ​หนึ่ง​”

นักพรต​เด็กหนุ่ม​ยืน​อยู่​บน​ขั้นบันได​ หยาง​เหล่า​โถว​แห่ง​ร้าน​ยา​มักจะ​นั่ง​ถือ​กระบอก​ยาสูบ​พ่น​ควัน​โขมง​อยู่​ตรงนั้น​เป็นประจำ​

เฉิน​ผิง​อัน​ยืน​อยู่​ใต้​ชายคา​ เขา​ก้มหัว​กราบ​ตาม​ขนบ​ของ​ลัทธิ​เต๋า​อย่าง​ถูกระเบียบ​ เงียบงัน​ไม่เอ่ย​คำ​ใด​

ไม่ใช่ว่า​เฉิน​ผิง​อัน​แสร้ง​ทำเป็น​ลึกลับ​ แต่​เป็น​เพราะ​ไม่รู้​ว่า​ควรจะ​ตอบ​อย่างไร​จริงๆ​ หลัก​ๆ แล้ว​ยัง​กังวล​ด้วยว่า​จะเกี่ยวพัน​ไป​ถึงห​ลี่​หลิ่ว​ จึงได้​แต่​บากหน้า​ทำตัว​เป็น​น้ำเต้า​ตัน​

นักพรต​เด็กหนุ่ม​สะบัด​ชาย​แขน​เสื้อ​ ประสานมือ​คารวะ​ตาม​ขนบ​ของ​ลัทธิ​ขงจื๊อ​อย่าง​เข้าท่า​เข้าที​ เพียง​คลี่​ยิ้ม​ไม่เอ่ย​คำ​ใด​

เด็กหนุ่ม​นั่งลง​บน​ขั้นบันได​ ผาย​ฝ่ามือ​ข้าง​หนึ่ง​ออกมา​ “เชิญนั่ง​ตามสบาย​ พวกเรา​ต่าง​ก็​เป็น​แขก​ อย่า​ได้​คิดเล็กคิดน้อย​มากเกินไป​นัก​”

ข้า​เป็น​แขก​ที่​ผ่าน​ทาง​มา เจ้าในเวลานี้​ก็​เหมือนกัน​ แต่​หลังจากนี้​กลับ​ไม่แน่​เสมอไป​

เฉิน​ผิง​อัน​ขยับ​เท้า​ไป​นั่งลง​บน​ม้านั่งยาว​ มีเพดาน​เปิด​อ้า​ที่​น้ำ​สี่ทิศ​มารวมกัน​ใน​โถงเดียว​กั้น​ขวาง​เขา​กับ​เด็กหนุ่ม​เอาไว้​ ทั้งสอง​นั่ง​อยู่​ตรงข้าม​กัน​

สถานะ​ของ​นักพรต​เด็กหนุ่ม​ตรงหน้า​ ไม่ต้อง​เดา​เลย​

เคย​ขี่​วัว​ผ่าน​ด่าน​ ท่องเที่ยว​ไป​ใน​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​อย่าง​สบาย​อุรา​ แค่​ชี้นิ้ว​ง่ายๆ​ หนึ่ง​ที​ก็​ซัด​ปีศาจ​ใหญ่​บน​บัลลังก์​เก่า​ให้​ร่วง​กลับ​ไป​ที่​ก้น​บ่อ​โบราณ​ ทิ้งร่องรอย​ที่​หลาย​พันปี​ก็​ไม่อาจ​ลบเลือน​ไว้​บน​ร่าง​ของ​อีก​ฝ่าย​

และ​ยิ่ง​บีบ​ให้​บรรพบุรุษ​ใหญ่​ชูเซิงต้อง​หลบหนี​ไป​อยู่​นอก​ฟ้า ไม่กล้า​โผล่​หน้า​มา

ต่อให้​เป็น​นักพรต​ซุน​แห่ง​อาราม​เสวียน​ตู​ใหญ่​ ยอด​ฝีมือ​ผู้​บรรลุ​มรรคา​ที่​ ‘ทุกๆ​ สามวัน​ห้า​วัน​จะต้อง​ไป​ถามไถ่ทักทาย​ผู้​ไร้​เทียมทาน​ที่​แท้จริง​’ เล่าลือ​กัน​ว่า​ตอนที่​เดินทาง​มาเยือน​ใต้​หล้า​ไพศาล​ ทุกครั้งที่​พูดคุย​ถึงมรรคา​จารย์​เต๋า​ผู้​ก่อสร้าง​ป๋า​ยอ​วี้​จิงกับ​พวก​ป๋า​ย​เห​ย่​ก็​ยัง​รู้สึก​เป็นเกียรติ​ พูดจา​มั่นเหมาะ​น่าเชื่อ​ถือว่า​ ขอ​รับประกัน​ว่า​คน​ที่​ต่อสู้​ได้​เก่ง​ที่สุด​ใน​ใต้​หล้า​ยังคง​เป็น​ท่าน​ผู้​นั้น​ของ​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​ข้า​

อยู่​กับ​มรรคา​จารย์​เต๋า​ ทั้งที่​เข้าใจ​แต่​แสร้ง​ทำเป็น​เลอะเลือน​ ไม่ได้​มีความหมาย​ใดๆ​ ส่วน​คน​ที่​เลอะเลือน​แต่​แกล้ง​ทำเป็น​เข้าใจ​ก็​ยิ่ง​เป็นที่​ตลกขบขัน​ของ​คนอื่น​เข้าไป​ใหญ่​

มรรคา​จารย์​เต๋า​มอง​ภาพ​บรรยากาศ​ของ​ขอบเขต​สิบ​สี่บน​ร่าง​เฉิน​ผิง​อัน​แล้ว​ยิ้ม​เอ่ย​ว่า​ “คำ​ว่า​ห​ลี่​ (มารยาท​และ​พิธีการ​) ยาก​ที่จะ​มีครบถ้วน​ทั้ง​เหตุผล​และ​อารมณ์​ ทั้ง​ยัง​ไม่ตายตัว​ จอม​ปราชญ์​น้อย​ยังคง​ร้ายกาจ​อยู่​มาก​”

จากนั้น​มรรคา​จารย์​เต๋า​ก็​พูด​เปิดโปง​ความลับ​สวรรค์​ด้วย​ประโยค​ว่า​ “เจ้าสามารถ​แบกรับ​ขอบเขต​ส่วน​นี้​ของ​ลู่​เฉิน​เอาไว้​ได้​ สิ่งที่​สลาย​กระจาย​ไป​มีน้อย​มาก​ สาเหตุ​ไม่ได้​เพียงแค่​เพราะ​ห​ลี่​เซิ่งและ​ลู่​เฉิน​เท่านั้น​ คุณสมบัติ​ของ​ ‘เรือ​กลวง​’ บน​ร่าง​เจ้ามีค่อนข้าง​สูง ซึ่งนี่​ก็​มีความเกี่ยวข้อง​อยู่​ไม่น้อย​ มีเพียง​มหา​มรรคา​ที่​ถึงจะสามารถ​รวบรวม​สภาพ​จิตใจ​ที่​นิ่ง​สงบ​ว่างเปล่า​เอาไว้​ได้​ สภาพ​จิตใจ​ที่ว่างเปล่า​ใสสะอาด​เรียก​ว่า​ศีล​ใจ ผู้​ที่​ปล่อยวาง​ได้​ฟ้าดิน​ย่อม​กว้างใหญ่​ พูดถึง​แค่​ใน​บรรดา​คน​ที่​เจ้ารู้จัก​ โจว​มี่ ชุย​ฉาน​ ฉีจิ้งชุน​ เจิ้งจวี​จง อู๋ซวงเจี้ยง​ ล้วน​เป็น​จำพวก​บัณฑิต​ หาก​เอ่ย​ถ้อยคำ​ที่​ธรรมดา​สามัญสักหน่อย​ ก็​คือ​คน​คน​หนึ่ง​ต้อง​มีท้อง​ที่ว่างเปล่า​ถึงจะกิน​ได้​มากขึ้น​ เหตุใด​ผู้ฝึก​ตน​ถึงแตกต่าง​จาก​คน​ทั่วไป​ อะไร​คือ​คำกล่าว​ที่ว่า​ขึ้น​เขา​ฝึก​เป็น​เซียน​ ก็​หนี​ไม่พ้น​การเจาะ​ภูเขา​ทำเป็น​เรือน​พัก​ เอา​เจ็ด​อารมณ์​หก​ปรารถนา​ ความคิด​อัน​ซับซ้อน​ลมปราณ​อัน​ขุ่นมัว​ของ​มนุษย์​ธรรมดา​ย้ายออก​ไป​ นำ​ปราณ​วิญญาณ​ฟ้าดิน​ วาสนา​มรรค​กถา​และ​บุญบารมี​ความโชคดี​ย้าย​เข้ามา​”

คน​ชุด​เขียว​ผู้​หนึ่ง​นั่ง​ตัวตรง​อย่าง​สำรวม​ คล้าย​กับ​เด็กประถม​ใน​โรงเรียน​ที่​เพิ่ง​ได้​เริ่ม​อ่านหนังสือ​รู้จัก​ตัวอักษร​

ทุกวันนี้​ผู้ฝึก​ตน​บน​ยอดเขา​ของ​ใต้​หล้า​ทั้งหลาย​ ไม่ว่า​จะเป็น​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​หรือ​ขอบเขต​สิบ​สี่ล้วน​ไม่กล้า​เรียกชื่อ​โจว​มี่ออกมา​ตรงๆ​ เพราะ​กลัว​ว่า​จะเปิด​เผยความลับ​ของ​โลก​มนุษย์​ให้​แก่​บน​ฟ้า

มรรคา​จารย์​เต๋า​หัวเราะ​ ดูเหมือนว่า​เจ้าหมอ​นี่​จะยัง​ถูก​ปิดหูปิดตา​ ก็​เป็นเรื่อง​ปกติ​ สามลัทธิ​เมธีร้อย​สำนัก​ มีหรือ​จะปล่อย​ให้​หนึ่ง​นั้น​ได้รับ​การ​ยอมรับ​จาก​ผู้​ครอง​กระบี่​ตั้งแต่​อายุ​น้อย​ๆ? และ​ยิ่ง​มีศิษย์​พี่​สอง​คน​คอย​จับตามอง​อยู่​ ต่อให้​เฉิน​ผิง​อัน​คิด​จน​หัว​แตก​ก็​ไม่มีทาง​คิด​มาถึงตัวเอง​ ไม่มีทาง​นึกได้​ว่า​บน​เส้นทาง​ของ​การ​เดินทางไกล​ตลอด​หลาย​ปี​มานี้​ แท้จริง​แล้ว​ไม่เพียงแต่​เป็นการ​ถือ​เทียน​ท่อง​ราตรี​เท่านั้น​ แต่​ยัง​เป็นการ​ถือ​โคม​ยาม​ทิวา​อีกด้วย​

เพียงแต่​มรรคา​จารย์​เต๋า​ไม่รีบร้อน​เปิดเผย​เรื่อง​นี้​ เขา​ถามว่า​ “นับแต่​เด็ก​มาเจ้าก็​ใกล้ชิด​กับ​พระธรรม​ อีก​ทั้ง​ยังมี​ความเข้าใจ​ใน​เรื่อง​ของ​การ​ยอมรับ​และ​การ​ปฏิเสธ​ค่อน​ข้างมาก​ ถ้าอย่างนั้น​ก็​คง​ต้อง​รู้​ถึงสัจธรรม​สามประโยค​สินะ​?”

เฉิน​ผิง​อัน​พยักหน้า​ “พระพุทธเจ้า​ตรัส​ว่า​โลก​ ทั้ง​ไม่ใช่โลก​ แต่​ชื่อ​เดิม​คือ​โลก​”

มรรคา​จารย์​เต๋า​ยิ้ม​บาง​ๆ เอ่ย​ว่า​ “กล่าว​ได้ดี​ แต่​พูด​เฉย​ๆ ไม่สู้ยกตัวอย่าง​ให้​ฟัง หลักการ​เหตุผล​คือ​ความว่างเปล่า​ใน​ฟ้าดิน​ ตัวอย่าง​ก็​คือ​จุด​พัก​ม้าคือ​ท่าเรือ​ ทำให้​คนฟัง​มีพื้นที่​ให้​หยัดยืน​ ไม่อย่างนั้น​ยอด​ฝีมือ​ใช้เหตุผล​ ก็​คง​เหมือน​การขี่​กระเรียน​ไป​เยือน​หยาง​โจว​แล้ว​”

เฉิน​ผิง​อัน​เอ่ย​ “ซูจื่อ​มีกวี​บท​หนึ่ง​บอก​ไว้​ว่า​ เมฆเรืองรอง​แห่ง​เมือง​ตัน​โจว​ คลื่น​น้ำ​แห่ง​นที​เฉียน​ถัง หาก​ไร้​วาสนา​ได้​ไป​ชม ต้อง​เสียดาย​ไป​ชั่วชีวิต​ เมื่อ​ถึงครา​ได้มา​เยือน​กลับ​ค้นพบ​ว่า​ก็​มีเพียง​เท่านั้น​ เมฆเรืองรอง​แห่ง​เมือง​ตัน​โจว​ คลื่น​น้ำ​แห่ง​นที​เฉียน​ถัง”

มรรคา​จารย์​เต๋า​กล่าว​ “พูด​อีก​”

เฉิน​ผิง​อัน​ตอบ​ “เต๋า​ที่​อธิบาย​ได้​มิใช่เต๋า​ที่​เที่ยงแท้​”

มรรคา​จารย์​เต๋า​ยิ้ม​กล่าว​ “มิน่าเล่า​ซูจื่อ​ถึงมอบ​เทียบ​อักษร​ให้​ว่องไว​เต็มใจ​ยิ่งกว่า​หลิ่ว​ชี แล้วก็​ไม่แปลกที่​เจ้าอาราม​ซุน​โปรดปราน​เจ้าเป็นพิเศษ​ กลับ​ไป​ถึงบ้านเกิด​เจอ​ใคร​ก็​บอ​กว่า​มีสหาย​น้อย​อยู่​ที่​ใต้​หล้า​ไพศาล​คน​หนึ่ง​ เป็น​คน​อัศจรรย์​”

เฉิน​ผิง​อัน​รู้สึก​ลำบากใจ​เล็กน้อย​ ตน​ยัง​ไม่ทัน​ไป​เยือน​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​ ชื่อเสียง​ก็​เลื่องลือ​ไป​ทั่ว​หัวถนน​แล้ว​หรือ​? แบบนี้​จะถือว่า​สุรา​หอม​มิต้อง​กลัว​อยู่​ใน​ตรอก​ลึก​หรือไม่​?

มรรคา​จารย์​เต๋า​ถามว่า​ “เคย​คิด​หรือไม่​ว่า​เหตุใด​ศิษย์​พี่​สอง​คน​นั้น​ของ​เจ้าถึงกล้า​ทำ​เรื่อง​จับ​ตะพาบ​ใน​ไห​? เมื่อ​หมื่น​ปีก่อน​ พวกเรา​สามคน​ก็​ไม่อาจ​ขจัด​ภัย​แฝงอย่าง​ซาก​ปรัก​สรวงสวรรค์​เก่า​นี้​ได้​อย่าง​สิ้นซาก​ ทุกวันนี้​โจว​มี่เข้าไป​อยู่​ใน​นั้น​ คาด​ว่า​ระดับ​ความ​ยาก​คง​มาก​ยิ่งกว่า​เดิม​ แต่​ตอนนี้​พวกเรา​ทั้ง​สามจะสลาย​มรรคา​แล้ว​ เรื่อง​ของ​การ​จัดการ​กับ​น้ำ​ แต่ไหนแต่ไร​มาการอุด​กั้น​ก็​ไม่สู้การ​ปล่อย​ให้​ไหลผ่าน​ หลักการ​นี้​ ชุย​ฉาน​และ​ฉีจิ้งชุน​ต่าง​ก็​ไม่ใช่คน​ที่​สายตา​คับแคบ​ มีหรือ​จะไม่เข้าใจ​? เจ้าลอง​คิด​อีกที​ว่า​ เหตุใด​โจว​มี่ถึงได้​พา​ผู้คน​ขึ้น​ฟ้า เขา​กำลัง​รอคอย​อะไร​อยู่​กัน​แน่​? คิด​จะเสริม​ตำแหน่ง​เทพ​ให้​ครบ​ ก็​น่าจะ​พอๆ กับ​กอง​โหราศาสตร์​ใน​ราชวงศ์​โลก​มนุษย์​ของ​พวกเรา​ เป็น​ดั่ง​หัวไชเท้า​หนึ่ง​หัว​กับ​หลุม​หนึ่ง​หลุม​มาโดยตลอด​”

มรรคา​จารย์​เต๋า​พูด​มาถึงตรงนี้​ก็​ยิ้ม​เอ่ย​ว่า​ “โจว​มี่คง​ไม่ได้​เอาแต่​รอ​พวกเรา​สามคน​ไป​ขวาง​ประตู​หรอก​กระมัง​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ส่ายหน้า​ “ผู้เยาว์​คิด​แล้วก็​ไม่เข้าใจ​”

“เพราะ​บน​โลก​มนุษย์​มีอยู่​เรื่อง​หนึ่ง​ที่​ทำให้​โจว​มี่ผู้​ซึ่งวางแผน​รอบคอบ​รัดกุม​กลายเป็น​ประมาทเลินเล่อ​ไป​ได้​”

มรรคา​จารย์​เต๋า​ยก​มือขึ้น​ชี้มาที่​เฉิน​ผิง​อัน​ “ก็​คือ​เจ้า นก​ใน​กรง​”

โจว​มี่ที่อยู่​บน​ฟ้า เฉิน​ผิง​อัน​ที่อยู่​ใน​โลก​มนุษย์​มีการชัก​คะ​เย่อ​ใน​ด้าน​นิสัยใจคอ​กัน​อย่างหนึ่ง​อยู่​ และ​สุดท้าย​แล้​วจะ​เป็นตัว​ตัดสิน​ว่า​ใคร​ที่จะ​สามารถ​เป็นหนึ่ง​นั้น​ที่​ใหม่เอี่ยม​และ​แข็งแกร่ง​ยิ่งกว่า​

ภูเขา​ลั่วพั่ว?​ วิญญาณ​ (พั่ว)​ กลับ​สู่ฟ้า วิญญาณ​กลับ​สู่ดิน​

แน่นอน​ว่า​โจว​มี่ย่อม​ต้อง​มีวิธีการ​เป็น​ของ​ตัวเอง​ บุกเบิก​หา​เส้นทาง​ใหม่​ บุกเบิก​โฉมหน้าใหม่​ หา​วิธี​ใน​การ​คลี่คลาย​ปัญหา​ ไม่มีทาง​อยู่​นิ่งเฉย​รอ​ความตาย​อย่าง​แน่นอน​

มรรคา​จารย์​เต๋า​เอ่ย​ “ดังนั้น​ชิงถงเทียน​จวิน​ถึงทิ้งจดหมาย​ทางบ้าน​ไว้​ให้​เจ้าฉบับ​หนึ่ง​ ถามว่า​เจ้ากิน​อิ่ม​แล้ว​หรือไม่​”

เส้นเอ็น​หัวใจ​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​พลัน​ขึง​ตึง​ขึ้น​มาทันใด​ สอง​มือ​กำหมัด​หลวม​ๆ วาง​ไว้​บน​หัวเข่า​ สูด​ลม​หายใจเข้า​ลึก​หนึ่ง​ครั้ง​ ถามเสียง​หนัก​ “ข้า​ก็​คือ​…หนึ่ง​นั้น​?”

มรรคา​จารย์​เต๋า​ยิ้ม​เอ่ย​ “ฉีจิ้งชุน​เอา​ภาระ​หนักอึ้ง​วาง​ไว้​บน​บ่า​เจ้าแต่​เนิ่นๆ​ จริง​เสีย​ด้วย​”

เฉิน​ผิง​อัน​พลัน​เข้าใจ​ได้​อย่าง​ทะลุปรุโปร่ง​

เหตุใด​โจว​จื่อ​ที่​คิด​คำนวณ​ได้​อย่าง​ครอบคลุม​ถึงได้​ตั้งตัว​เป็นปฏิปักษ์​กับ​เด็กกำพร้า​ของ​ตรอก​หนี​ผิง​มาตั้งแต่แรก​ บุคคล​อย่าง​โจว​จื่อ​นี้​ เดิมที​ก็​สามารถ​มอง​ทะลุ​ความเป็นความตาย​ หลุดพ้น​จาก​ความดี​ความ​เลว​ไป​แล้ว​

ตอน​เป็น​เด็ก​ขึ้น​เขา​ไป​เก็บ​ยาสมุนไพร​ ครั้งนั้น​ได้​ถูก​น้ำท่วม​ใน​ภูเขา​กีดขวาง​ ภายหลัง​หยาง​เหล่า​โถว​จึงถ่ายทอด​วิชาการ​หายใจ​ให้​บท​หนึ่ง​ เพื่อ​เป็น​ของ​แลกเปลี่ยน​ เฉิน​ผิง​อัน​ต้อง​ทำ​กระบอก​ยาสูบ​อัน​หนึ่ง​ให้​เขา​

ตอนที่​กลับ​มาจาก​เมืองหลวง​ต้า​สุย​ก็ได้​มอบ​กระบี่​บิน​ให้​เขา​หนึ่ง​เล่ม​ ถูก​เฉิน​ผิง​อัน​ตั้งชื่อ​ให้​ว่า​สือ​อู่​ เหตุผล​ของ​หยาง​เหล่า​โถว​ก็​คือ​บ้าน​ใคร​ยาม​ปีใหม่​ไม่กิน​เกี๊ยว​กัน​บ้าง​เล่า​

บวก​กับ​ตัวอ่อน​กระบี่​บิน​ที่​เดิมที​มีชื่อว่า​ ‘เสี่ยว​เฟิงตู​’ เล่ม​นั้น​ ชูอี​ สือ​อู่​ ความหมาย​ก็​คือ​หลบ​พ้น​ชูอี​ (วัน​ที่หนึ่ง​ของ​เดือน​) แต่​หลบ​ไม่พ้น​สือ​อู่​ (วันที่​สิบห้า​ของ​เดือน​)

คิดไม่ถึง​ว่าที่​หลบ​ไม่พ้น​ที่สุด​ ดูเหมือนว่า​จะเป็นตัว​เฉิน​ผิง​อัน​เอง​

ออกจาก​บ้าน​เดินทางไกล​อีกครั้ง​ นำ​กระบี่​ไป​มอบให้​หนิง​เหยา​ที่​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ บน​ข้อเท้า​แปะ​ยันต์​ลมปราณ​ที่​แท้จริง​เอาไว้​

เฉิน​ผิง​อัน​ถาม “เป็น​ข้า​มาตั้งแต่แรก​เลย​หรือ​?”

มรรคา​จารย์​เต๋า​ส่ายหน้า​ “นั่น​ก็​ดูแคลน​วิธีการ​ของ​ชิงถงเทียน​จวิน​เกินไป​แล้ว​ หนึ่ง​นี้​ เป็น​เจ้าที่​เรียกร้อง​มาเอง​”

เฉิน​ผิง​อัน​ถอนหายใจ​โล่งอก​ ถามเข้า​ประเด็น​โดยตรง​ “ขอ​ถามมรรคา​จารย์​เต๋า​ สามารถ​แก้ไข​เรื่อง​นี้​ได้​หรือไม่​ อีก​ทั้ง​ข้า​ยังคง​เป็น​ข้า​อยู่​เหมือนเดิม​?”

มรรคา​จารย์​เต๋า​หัวเราะ​หึหึ​ “ขอให้​ตัวเอง​โชคดี​เถิด​”

เฉิน​ผิง​อัน​บื้อ​ใบ้​

มรรคา​จารย์​เต๋า​เดา​ได้​ว่า​เฉิน​ผิง​อัน​คง​คิด​ไป​คนละ​ทาง​แล้ว​ นั่น​ก็​เพราะ​คำกล่าว​ที่​เดิมที​ก็ดี​ๆ อยู่​ กลับ​ถูก​คน​บน​โลก​แพร่กระจาย​กัน​ไป​จน​ความหมาย​ผิดเพี้ยน​จาก​เดิม​ไป​เรื่อยๆ​ แล้ว​ ดังนั้น​มรรคา​จารย์​เต๋า​จึงแก้​ประโยค​เล็กน้อย​ “คน​ที่​ช่วยเหลือ​ตัวเอง​มัก​มีโชคดี​”

เฉิน​ผิง​อัน​ถาม “หา​กห​ลี่​หลิ่ว​หรือไม่​ก็​หม่า​ขู่​เสวียน​ได้​เห็น​ตัวอักษร​เหล่านั้น​ ถ้าอย่างนั้น​จะเป็น​ลายมือ​ของ​ใคร​?”

เฉิน​ผิง​อัน​เข้าใจผิด​คิด​มาโดยตลอด​ว่า​ตัวอักษร​เหล่านั้น​มาจาก​ลายมือ​ของ​ห​ลี่​หลิ่ว​หรือไม่​ก็​หม่า​ขู่​เสวียน​

มรรคา​จารย์​เต๋า​ส่ายหน้า​ “ไม่แน่​หรอก​ สิ่งที่​ห​ลี่​หลิ่ว​มองเห็น​ บางที​อาจ​เป็น​ต่งสุ่ย​จิ่งที่​ราวกับว่า​คอย​ทวงหนี้​แทน​คนอื่น​ หรือไม่​ก็​เป็น​หลิน​โส่ว​อี​ที่​ ‘จิต​แห่ง​มรรคา​เฝ้าหนึ่ง​’ สิ่งที่​หม่า​ขู่​เสวียน​มองเห็น​ บางที​อาจ​เป็น​เทพ​อัคคี​ห​ร่วน​ซิ่ว​ หรือไม่​ก็​เทพ​วารี​ห​ลี่​หลิ่ว​ สิ่งที่​กู้​ช่าน​มองเห็น​บางที​อาจ​เป็น​ซ่งจี๋ซิน​ หรือไม่​ก็​จ้าว​เหยา​ผู้​แต้ม​นัยน์ตา​มังกร​ สิ่งที่​ห​ร่วน​ซิ่ว​มองเห็น​ก็​อาจจะ​เป็น​ลายมือ​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​แห่ง​ตรอก​หนี​ผิง​หรือไม่​ก็​หลิว​เสี้ยน​หยาง​ แค่​พอ​จะแน่ใจ​ใน​ข้อ​หนึ่ง​ ไม่ว่า​ใคร​ที่​ได้​เห็น​ก็​ล้วน​คิด​ว่า​ไม่ใช่ลายมือ​ของ​ตัวเอง​”

มรรคา​จารย์​เต๋า​ยิ้ม​กล่าว​ “เมื่อ​ใน​ใจเจ้ามั่นใจ​ใน​เรื่อง​หนึ่ง​ก็​จะคอย​หา​เหตุผล​และ​หลักฐาน​มาสนับสนุน​ความคิด​ส่วน​นี้​ของ​พวก​เจ้าอย่าง​ต่อเนื่อง​ คนงาน​เตาเผา​ คน​ฆ่าสัตว์​ คน​ชันสูตรศพ​ ช่างไม้ นายพราน​หา​ฟืน​ ชาวประมง​จับ​ปลา​ เพียงแค่​เพราะ​ทักษะ​ของ​แต่ละคน​แตก​ต่างกัน​ไป​ ถ้าอย่างนั้น​มองโลก​ใบ​เดียวกัน​ก็​จะมีการ​ให้ความสำคัญ​ที่​แตก​ต่างกัน​ไป​”

เฉิน​ผิง​อัน​ขมวดคิ้ว​มุ่น​ ถามหยั่งเชิง​ว่า​ “ตัวอักษร​พวก​นั้น​คล้ายคลึง​กับ​เมือง​หง​จู๋? ราวกับ​จุดตัด​ของ​แม่น้ำ​แห่ง​กาลเวลา​แห่ง​หนึ่ง​ เป็นเหตุให้​ไม่ว่า​ใคร​ก็​ล้วน​เป็นไปได้​ ขณะเดียวกัน​ใคร​ก็​ไม่ใช่คน​แกะสลัก​ตัวอักษร​?”

มรรคา​จารย์​เต๋า​ตอบ​ไม่ตรง​คำถาม​ “การ​ที่​ชิงถงเทียน​จวิน​ร่าย​ตรา​ผนึก​นี้​ไว้​ก็​เพื่อให้​คน​รุ่นเยาว์​อย่าง​พวก​เจ้าไม่ถึงขั้น​เหน็ดเหนื่อย​ใจบน​เส้น​ทางการ​ฝึก​ตน​ในอนาคต​มากเกินไป​ แน่นอน​ว่า​สิ่งที่​เขา​เป็นกังวล​มาก​ยิ่งกว่า​ก็​คือ​หลังจากที่​ถ้ำสวรรค์​หลี​จูปริ​แตก​หล่น​ร่วง​ลงมา​หยั่งราก​ลง​บน​พื้นดิน​แล้ว​ จะต้อง​สูญเสีย​สิ่งกีดขวาง​ที่​สกัดกั้น​ความลับ​สวรรค์​ชั้นหนึ่ง​ไป​ เมื่อ​พวก​คน​รุ่นเยาว์​พา​กัน​ออก​ไปหา​ประสบการณ์​ด้านนอก​ก็​จะเป็นการ​แพร่งพราย​เบาะแส​ที่​เกี่ยวข้อง​เร็ว​ก่อนเวลา​เกินไป​”

เกี่ยวกับ​ทิศ​ทางการ​ไหล​ไป​ของ​แม่น้ำ​แห่ง​กาลเวลา​ คือ​ข้อห้าม​ที่​ไม่เล็ก​ข้อ​หนึ่ง​ ผู้ฝึก​ตน​ต้อง​ไป​สืบเสาะ​ตามหา​กันเอา​เอง​

มรรคา​จารย์​เต๋า​ยิ้ม​กล่าว​ “ตอนนี้​เจ้าสามารถ​ตอบคำถาม​ก่อนหน้า​นั้น​ได้​แล้ว​ใช่หรือไม่​?”

เฉิน​ผิง​อัน​หันหน้า​มอง​ไป​ยัง​ทิศทาง​ของ​ตรอก​หนี​ผิง​ตาม​จิตใต้สำนึก​

จาก​ตรอก​เล็ก​เดิน​มาถึงร้าน​ยา​แห่ง​นี้​ หากว่า​มีเงิน​ซื้อ​ยา​ ต่อให้​เป็น​อากาศ​ที่​มีลม​หิมะ​ เส้นทาง​เปื้อน​ดิน​โคลน​ ก็​ยัง​จะเดิน​ด้วย​ฝีเท้า​แผ่วเบา​ แต่​หาก​ใน​กระเป๋า​ไม่มีเงิน​ เส้นทาง​เดียวกัน​ ต่อให้​ตลอดทั้ง​เส้นทาง​มีดอกไม้​ฤดูใบไม้ร่วง​ผลิบาน​ ก็​ยัง​ทำให้​ฝีเท้า​ของ​คน​โซซัดโซเซ​ เหนื่อยล้า​สิ้น​เรี่ยวแรง​ได้​อยู่ดี​

เหตุใด​ถึงเป็น​เช่นนี้​ ย่อม​เกิด​จาก​สภาพ​จิตใจ​ ทุก​วิธีการ​ล้วน​ไม่ได้​เกิดขึ้น​เพียงลำพัง​ จำเป็นต้อง​มีสภาพแวดล้อม​ที่​สอดคล้องกัน​จึงจะเกิดขึ้น​ได้​ ขึ้นเขาลงห้วย​ แต่กลับ​ไม่อิดออด​ชักช้า​ นี่​ก็​คือ​คำ​ว่า​ตัด​ความกังวล​ใน​ใจทิ้ง​ไป​ เพียง​สนใจ​แต่​เรื่อง​ภายนอก​อย่าง​ที่​ลัทธิ​พุทธ​กล่าวถึง​ แล้ว​นับประสาอะไร​กับ​ที่​อาจารย์​ของ​ตน​ยัง​เคย​ให้​คำอธิบาย​ประโยค​ที่ว่า​ ‘ใจคน​เป็น​ภัย​ไม่แน่นอน​ แก่น​แห่ง​มรรคา​จึงจะละเอียดอ่อน​’ เอาไว้​ด้วย​

ตอน​เด็ก​เรื่อง​ของ​การ​เผา​เครื่อง​ปั้น​ ความรู้​ที่​ใหญ่​ที่สุด​ก็​หนี​ไม่พ้น​สี่คำ​ ใจมั่น​มือ​คล่อง​ (เปรียบเปรย​ว่า​ราบรื่น​ไป​ทุกอย่าง​) ใจมุ่งไป​ มือ​ทำตาม​

เฉิน​ผิง​อัน​กล่าว​ “ไม่ต้อง​เดิน​เตร็ดเตร่​ใน​ตรอก​ไป​เรื่อยเปื่อย​เพียงลำพัง​เพียงแค่​เพื่อ​หาเงิน​เหรียญทองแดง​สัก​เหรียญ​บน​พื้น​ แล้วก็​ไม่ต้อง​รอคอย​ให้​คนอื่น​เปิด​ประตู​บ้าน​ ข้า​รู้สึก​ว่า​ล้วน​ไม่ยากลำบาก​”

มรรคา​จารย์​เต๋า​ยิ้ม​ถาม “เคย​เก็บ​เงินได้​หรือไม่​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ตอบ​อย่าง​เขินอาย​ “เคย​เก็บ​ได้​อยู่​สอง​สามเหรียญ​จริงๆ​”

ใน​ค่ำคืน​ที่​ต้อง​คอย​แย่ง​น้ำ​กับ​คนอื่น​ มีเด็ก​คน​หนึ่ง​นอน​อยู่​บน​คันนา​ ยก​ขา​นั่งไขว่ห้าง​ เคี้ยว​ต้น​หญ้า​ใน​ปาก​ เหนือศีรษะ​คือ​ทางช้างเผือก​พร่างพราว​ เด็กชาย​ชูเหรียญทองแดง​เหรียญ​หนึ่ง​ที่​ตอนกลางวัน​เก็บ​มาจาก​บน​พื้น​ขึ้น​สูง

มรรคา​จารย์​เต๋า​ยก​มือขึ้น​ชี้ไป​ที่​ศีรษะ​ จากนั้น​ชี้ไป​ที่​หัวใจ​ “ความ​มีเหตุผล​ของ​คน​คน​หนึ่ง​คือ​การ​สรุป​รวม​ความรู้​ที่​สะสมมาใน​ภายหลัง​ คือ​เส้นทาง​แต่ละ​เส้น​ที่​พวกเรา​บุกเบิก​กันเอง​ แต่​ความรู้สึก​ของ​พวกเรา​กลับเป็น​สิ่งที่​มีมาตั้งแต่​เกิด​ มาจาก​หัวใจ​ อันว่า​หัวใจ​นั้น​เป็น​ประธาน​ใหญ่​ที่สุด​ เป็น​ช่องทาง​แสดงออก​ทาง​ด้าน​ความคิด​และ​จิตวิญญาณ​ น่าเสียดาย​ที่​มนุษย์​ต้อง​เหนื่อยยาก​เพราะ​สิ่งของ​นอกกาย​ ความคิด​ไม่มีอิสระ​จึงต้อง​ทำ​สิ่งที่​ฝืนใจ​ เป็นเหตุให้​การ​ฝึก​ตน​นั้น​ พูด​หนึ่ง​พัน​กล่าว​หนึ่ง​หมื่น​ สุดท้าย​ก็​หนี​ไม่พ้น​คำ​ว่า​ใจ”

“เฉิน​ผิง​อัน​ ขอ​ถามเถอะ​ว่า​วัตถุประสงค์​ของ​คำ​ว่า​ ‘ศาสตร์​’ ทั้งหลาย​บน​โลก​ใบ​นี้​นั้น​อยู่​ที่ใด​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ครุ่นคิด​เล็กน้อย​ก็​ตอบ​ว่า​ “สามารถ​พิสูจน์​ว่า​เป็น​เท็จ​ สามารถ​แก้ไข​ความผิด​”

มรรคา​จารย์​เต๋า​ถามอีก​ “มรรคา​อยู่​ที่ใด​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ตอบ​ “สามารถ​ทำให้​ใจคน​ใฝ่หา​ ผสาน​รวม​กับ​หมื่น​ฟ้าดิน​และ​สรรพสิ่ง​ให้​เป็นหนึ่ง​ พ้น​แล้ว​จาก​อุปาทาน​”

มรรคา​จารย์​เต๋า​พยักหน้า​รับ​ คล้าย​จะพอใจ​ใน​คำตอบ​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​อยู่​บ้าง​ สีหน้า​เขา​จึงมีความ​สะทก​สะท้อนใจ​อยู่​หลาย​ส่วน​ “ร้อย​บุปผา​ประชัน​กัน​ผลิบาน​ พัน​นาวา​ช่วงชิง​กัน​ไหล​ล่อง​ ปราชญ์​ผู้ล่วงลับ​เผ่า​มนุษย์​ที่​เปลี่ยน​ฟ้าผลัด​ดิน​ใน​ช่วง​แรกเริ่ม​สุด​นั้น​ ท่ามกลาง​ช่วงเวลา​อัน​รุ่งโรจน์​ที่​ยาก​จะใช้ถ้อยคำ​มาบรรยาย​ได้​ ไม่ว่า​จะเป็น​ฝึก​ตน​เดิน​ขึ้น​เขา​ หรือ​การศึกษา​หา​ความรู้​ก็​ล้วน​เป็น​ช่วงเวลา​ที่​งดงาม​อย่าง​มาก​ทั้งสิ้น​”

มรรคา​จารย์​เต๋า​ลุกขึ้น​ยืน​ “ตาม​ข้า​ไป​ที่​ตรอก​หนี​ผิง​รอบ​หนึ่ง​”

กระบี่จงมา

กระบี่จงมา

Score 10
Status: Completed

อ่านนิยาย กระบี่จงมา 1 – 400 อ่านนิยาย

( อ่านต่อข้างล่าง )


” หนึ่งโลกธาตุขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยความลี้ลับมหัศจรรย์  ใจกลางฟ้าดิน เคยมีปัญญาชนผู้หนึ่งใช้หนึ่งกระบี่ฟาดฟันให้เกิดน้ำตกธารสวรรค์ คือความภาคภูมิใจสูงสุดของโลกมนุษย์  หน้าผาทะเลบูรพา มีนักพรตไร้นามผู้หนึ่งที่ไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งใด หวังเพียงให้ลมเย็นโชยมาปะทะใบหน้า  แดนสุขาวดีปัจฉิมทิศ มีหลวงจีนเฒ่าที่ชอบเล่าเรื่องราวให้ผู้คนฟัง เลี้ยงมังกรสวรรค์ไว้เก้าตัว พื้นที่กันดารแดนใต้ มีจิตรกรตาบอดควบคุมหุ่นเชิดเกราะทองสูงเท่าเนินเขาให้เคลื่อนย้ายภูเขาใหญ่หนึ่งแสนลูก ปูแผ่เป็นภาพลายปัก
เมื่อวันหนึ่งเด็กหนุ่มยากจนที่เติบโตทางทิศเหนือได้พบกับเซียนที่เหนือศีรษะมีกระบี่บินนับพันนับหมื่นประดุจฝูงตั๊กแตน “

เขาจึงอยากจะไปเห็นปัญญาชนคนนั้น เห็นคลื่นยักษ์ที่โถมตัวเทียมฟ้าของทะเลบูรพา

เห็นทะเลทรายสีเหลืองทองกว้างไกลนับหมื่นลี้ของแดนประจิม

และอยากไปเห็นภูเขาลูกโอฬารของแดนกันดารทางใต้ที่นักเล่านิทานเอ่ยถึงกับตาตัวเอง

ดังนั้น ในที่สุดวันหนึ่ง เด็กหนุ่มจึงสะพายกระบี่ไม้พาดหลัง มุ่งหน้าไปทางทิศใต้

–ข้ามีนามว่าเฉินผิงอัน ผิงอันที่แปลว่าสงบสุข สันติ ข้าคือมือกระบี่คนหนึ่ง–

Options

not work with dark mode
Reset